นานาชาติวิตกเหตุตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี
เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) สถานีโทรทัศน์ของเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ขู่ซ้ำอีกครั้งว่าจะปิดนิคมอุตสาหกรรมแกซอง หากรัฐบาลเกาหลีใต้ยังคงดูหมิ่นและทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงด้วยการบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่เกาหลีใต้จะใช้กำลังทหารโจมตีเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้นิคมอุตสาหกรรมแกซองเป็นความร่วมมือเพียงอย่างเดียวระหว่างเกาหลีทั้ง 2 ฝ่ายที่เหลืออยู่ตอนนี้ โดยมีบริษัทของเกาหลีใต้ 123 แห่งเข้าไปลงทุนที่นั่น และมีการจ้างแรงงานชาวเกาหลีเหนือประมาณ 53,000 คน ตอนนี้ภายในนิคมฯยังมีชาวเกาหลีใต้กว่าร้อยคนที่สมัครใจอยู่ที่นั่น ไม่ยอมเดินทางออกมาแม้เกาหลีเหนือจะอนุญาตให้ออกมาได้ แต่ห้ามกลับเข้าไปอีก สิ่งที่รัฐบาลเกาหลีใต้วิตกคือกลัวว่าคนเหล่านี้มีความเสี่ยงที่อาจจะถูกเกาหลีเหนือจับเป็นตัวประกัน คำสั่งปิดพรมแดนห้ามเข้านิคมฯ เริ่มมีผลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
นายบันคีมุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น กล่าวถึงเกาหลีเหนือว่าอาจจะตัดสินใจหรือประเมินสถานการณ์ผิดพลาด หากมีวิกฤตเกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี จะกลายเป็นปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อน และไม่เห็นด้วยที่เกาหลีเหนือสั่งห้ามชาวเกาหลีใต้เข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมแกซอง เพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงว่าเกาหลีเหนือทราบดีว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ หากเกาหลีเหนือต้องการให้นานาชาติสนับสนุนด้านเศรษฐกิจเพื่อดูแลประชาชนของตัวเอง เกาหลีเหนือควรจะกลับมาปฏิบัติตามกฎหมายสากล
ทั้งนี้สหรัฐฯ ได้ส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธไปที่เกาะกวม เพื่อปกป้องฐานทัพของสหรัฐฯ ซึ่งระบบต่อต้านขีปนาวุธชนิดนี้สามารถตรวจจับขีปนาวุธของศัตรู และยิงสกัดไว้ได้
นอกจากนี้สหรัฐฯยังได้ ส่งเรือพิฆาต 2 ลำไปประจำการบริเวณคาบสมุทรเกาหลี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) เกาหลีเหนือได้เคลื่อนย้ายขีปนาวุธพิสัยกลางของเกาหลีเหนือไปยังชายฝั่งด้านตะวันออก ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหมของเกาหลีใต้เชื่อว่าน่าจะเคลื่อนย้ายเพื่อทดสอบยิงหรือนำไปซ้อมรบมากกว่าการพุ่งเป้าโจมตีสหรัฐฯ เมื่อวานนี้(4 เม.ย.)เกาหลีเหนือขู่จะโจมตีสหรัฐฯด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งการโจมตีจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้