นายกฯยันเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป หลัง ป.ป.ช.ไม่รับพิจารณาคดีปล่อยกู้

นายกรัฐมนตรียืนยันเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป หลัง ป.ป.ช. พิจารณาแล้วไม่พบพฤติการณ์ที่จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบของนายกรัฐมนตรีและคู่สมรส แต่ ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการไต่สวนอดีตนายกรัฐมนตรี และรองรัฐมนตรี กรณีตรวจสอบการทุจริตก่อสร้างโรงพัก พร้อมอาคารที่พักเจ้าหน้าที่

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ รับทราบข้อมูล กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปล่อยกู้ให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรส จำนวน 30 ล้านบาท เมื่อปี 2549 - 2550 มีอยู่จริง แต่ไม่มีหลักฐานที่ฟังได้ว่าจงใจยื่นบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง โดยจากนี้จะเก็บข้อมูลไว้ประกอบการพิจารณา เมื่อพ้นจากตำแหน่งต่อไป

นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การกู้เงินเกิดขึ้นจริง โดยนายกรัฐมนตรีสามารถชี้แจงได้ครบถ้วน ขณะที่การตรวจสอบบัญชีเงินฝากของนายกรัฐมนตรี และคู่สมรสไม่พบสิ่งผิดปกติ พร้อมยืนยัน ป.ป.ช.ไม่มีความกดดันใดจากการพิจารณาคดีนี้ แม้จะตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นเท็จ ก็ตาม

ขณะที่นายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังทราบผลการพิจารณาของ ป.ป.ช.ว่า รู้สึกสบายใจแล้ว และจะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป และยืนยันว่าข้อมูลต่างๆ ที่ได้ส่งไปให้ ป.ป.ช.นั้นเป็นไปตามข้อเท็จจริงและไม่มีเจตนาปกปิดแต่อย่างใด

ส่วนคนที่ไม่สบายใจเห็นทีจะเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ถูก ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการไต่สวนตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน พร้อมอาคารที่พักเจ้าหน้าที่ จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้บัญชาการส่งกำลังบำรุง สตช. โดยมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน