จับตารัฐบาลเร่งผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหิน รับมือขาดแคลนไฟฟ้า ?
ชาวบ้านอำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ คัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ ระหว่างการสำรวจความเห็นประชาชน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์เพราะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีแผนจะใช้ถ่านหินจากอินโดนีเซีย เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้ากำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ ใน อำเภอเหนือคลองแต่การลำเลียงถ่านหิน ด้วยเรือขนาดใหญ่ขนส่งวันละ 8-9 เที่ยว ผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ 1 ใน 10 ของพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญระดับนานาชาติ เป็นเหตุผลที่ถูกชาวบ้านและกลุ่มเอ็นจีโอคัดค้าน
แม้ล่าสุด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราชเสนอตัวขอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ แต่การปลุกกระแสวิกฤติพลังงานของรัฐบาล และการสื่อสารถึงประชาชนของนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นกระบวนการเร่งรัดสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ และใช้สถานการณ์สร้างความชอบธรรมให้กับโรงไฟฟ้าถ่านหิน
แต่ละปีความต้องการใช้ไฟฟ้าขยายตัวร้อยละ 4 ในขณะที่พึ่งพิงก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก รัฐมนตรีพลังงาน คาดการณ์ว่าอีก 2 ปีค่าไฟฟ้าอาจสูงถึงหน่วยละ 6 บาท และโครงการสร้างโรงไฟฟ้าที่ชะลอลง ทำให้เสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จึงต้องหาเชื้อเพลิงที่มีราคาต่ำมาผลิตไฟฟ้าต่ำ ช่วยต้นทุนของประชาชนไม่ให้สูงเกินไป
นอกจากนี้ยังสั่งทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าอีกครั้ง เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเป็นร้อยละ 20 จากปัจจุบันร้อยละ 18.8 ซึ่งตามแผนเดิมต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ 6 โรง รวม 4,400 เมกะวัตต์
การผลักดันสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ ปัญหาเก่าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตยังไม่ได้สะสาง การรณรงค์คัดค้านการใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า ขององค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น กรีนพีซ รวมถึงเครือข่ายอื่น จึงไม่เชื่อมั่นระบบการป้องกันมลพิษจากถ่านหินที่จะมีผลต่อสุขภาพ
หลังการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในพม่า รัฐบาลจะเร่งรัดโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้าพลังน้ำให้เกิดขึ้น และให้ กฟผ.สร้างความเข้าใจกับประชาชน เพื่อเพิ่มกำลังไฟฟ้าสำรอง แต่หากต้านกระแสคัดค้านไม่ได้ จะก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้านแทน เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา ในลาว โรงไฟฟ้าถ่านหินในทวาย