126 ปี
สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลกตามคำร้องของฝ่ายกัมพูชา เป็นประเด็นสำคัญที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นย้ำทุกเหล่าทัพติดตามเป็นกรณีพิเศษ สอดคล้องกับบทบาทกระทรวงกลาโหม ที่เป็นองค์การหลักด้านความมั่นคงในทุกยุคสมัยต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
กระทรวงโหมในวันนี้ ไม่เพียงให้ความสำคัญกับการดูแลปัญหาความมั่นคงที่สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ยังมุ่งเน้นความทันสมัยภายใต้ยุทธศาสตร์ 10 ปี ระหว่างปี 2554-2563 เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และมีแผนปรับโครงสร้างกองทัพให้กระทัดรัด สอดคล้องกับงบประมาณสนับสนุนการวิจัยพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อลดการจัดหาจากต่างประเทศ เพิ่มความร่วมมือกับประเทศในและนอกอาเซียนด้านความมั่นคง ทั้งการรับมือภัยพิบัติ และภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป
แม้กระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ชัดเจนในด้านความมั่นคงควบคู่กับการพัฒนาตามแผน แต่ก็ยังถูกจับตามองถึงบทบาทความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับการเมือง โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ และแม้จะข้ามผ่านเหตุวิกฤตการเมืองปี 2553 และภัยพิบัติน้ำท่วมปี 2554 แต่ปัญหาที่กระทบบต่อความมั่นคงและอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ทั้งปัญหาในภาคใต้และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่ากองทัพจะทำงานร่วมกับรัฐบาลสมัยใด กองทัพในแต่ละยุคต่างมุ่งเน้นสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ และพยายามสร้างและรักษาสมดุลย์ในการบริหารงาน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายและประสานกับทุกฝ่าย เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลมีความมั่นคง และกองทัพยังรักษาจุดยืนที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้