ประชาชนหวั่นเกิดความขัดแย้ง หากศาลโลกชี้ขาดแพ้-ชนะคดีปราสาทพระวิหาร
โดยส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ศาลโลกตัดสินชี้ขาดให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแพ้ชนะเพราะเกรงว่าอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ และเห็นว่าปัญหาพื้นที่พิพาท ทั้งไทยและกัมพูชาควรร่วมกันหาทางออกอย่างสันติ ไม่ควรให้ศาลโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง
สอดคล้องกับความเห็นของประชาชนส่วนหนึ่งในภาคเหนือทั้งจังหวัดพิษณุโลกและเชียงใหม่ ที่เห็นว่า ไทยและกัมพูชาไม่ควรรื้อฟื้นคดีขึ้นมาอีก และควรใช้การเจรจาโดยตรงระหว่าง 2 ประเทศในการแก้ปัญหา
ขณะที่บางส่วนยอมรับว่า ไม่ทราบข้อมูลคดีนี้มากนัก แต่ก็อยากติดตามว่าสุดท้ายศาลโลกจะตัดสินอย่างไร
ส่วนชาวจังหวัดตรัง และสตูล แสดงความห่วงใยสถานการณ์ชายแดน ว่าอาจเกิดความรุนแรงขึ้นได้ไม่ว่าศาลจะตัดสินให้ฝ่ายใดเป็นผู้ชนะคดี
นายณรงค์ บุญสวยขวัญ นักวิชาการคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช มองว่า ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร แต่การหยิบยกข้อพิพาทเรื่องดินแดน เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลกของทั้ง 2 ประเทศ ถือเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นที่ควรใช้กระบวนการทางศาล เพื่อยุติความขัดแย้งแทนการต่อสู้ด้วยอาวุธ และเชื่อว่า ผลการตัดสินจะไม่กระทบต่อการเป็นสมาชิกร่วมในอาเซียนของไทยและกัมพูชา เพราะทั้ง 2 ประเทศมีการเชื่อมโยงด้านการค้า การลงทุนมายาวนาน