ดูทิศทางการเลือกตั้งมาเลเซีย 2556 ประเด็นเศรษฐกิจที่ต้องจับตา

ต่างประเทศ
18 เม.ย. 56
12:18
126
Logo Thai PBS
ดูทิศทางการเลือกตั้งมาเลเซีย 2556  ประเด็นเศรษฐกิจที่ต้องจับตา

นายกรัฐมนตรีแห่งมาเลเซีย นายราจิบ ราซัค ประกาศยุบสภาเมื่อวันพุธที่ 3 เม.ย. เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ครั้งที่ 13 คาดจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ค. 56 สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ชาวมาเลเซียคาดหวังถึงแนวทางการสร้างอนาคตประเทศในแง่มุมต่างๆ ไปถึงการเป็นประเทศรายได้สูง

 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า การเลือกตั้งครั้งที่ 13 ของมาเลเซียในครั้งนี้ มีหลากหลายประเด็นที่จะต้องติดตาม อาทิเช่น ทิศทางของรัฐบาลชุดใหม่ต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ที่ผ่านมารัฐบาลมีจุดยืนที่ชัดเจนในการนำพาประเทศไปสู่เศรษฐกิจรายได้สูง (15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหัว) ภายในปี 2020 หรือปี พ.ศ. 2563 โจทย์เศรษฐกิจข้อนี้จะถูกถ่ายโอนไปยังรัฐบาลชุดใหม่เช่นเดียวกัน  พร้อมกับแนววิธีปฏิบัติที่คงจะต้องติดตามว่าแต่ละฝ่ายจะดำเนินนโยบายเพื่อไปสู่เป้าประสงค์ข้างต้นเช่นไร 

 
แม้ทิศทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปัจจุบันจะอยู่ในเส้นทางที่ดี (เติบโตที่ร้อยละ 5.6 อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ.ร้อยละ 1.5 (YoY)) แต่หากพิจารณาในระดับโครงสร้างแล้วพบว่า การใช้จ่ายภาครัฐและเสถียรภาพทางการคลังเป็นจุดที่รัฐบาลน่าจะต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันประเด็นด้านกฎเกณฑ์ที่มีความข้องเกี่ยวกับเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ และการสนับสนุนธุรกิจในประเทศก็เป็นจุดอ่อนไหวที่จะต้องหาสมดุลระหว่างสองฝ่ายอย่างเหมาะสม ขณะที่ปริวรรตเศรษฐกิจโลกเป็นไปในอัตราเร็วขึ้น มาเลเซียเองก็ต้องปรับตัวในจังหวะที่สอดคล้องกัน
 
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น คงต้องยอมรับในจุดหนึ่งว่า ที่ผ่านภาคเอกชนของมาเลเซียเป็นส่วนหลักในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ และไม่ว่าโมเมนตัมทางการเมืองจะเป็นอย่างไร ธุรกิจมาเลเซียก็สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากตัวเลขปี 2555 ที่ผ่านมาการลงทุนภาคเอกชนของมาเลเซียเติบโตที่ร้อยละ 22.0 จากลงทุนเพิ่มในภาคอุตสาหกรรมการผลิต โทรคมนาคมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่บทบาทของธุรกิจมาเลเซียที่ขยายออกไปนอกประเทศมีความเด่นชัดขึ้นเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยตัวเลขการลงทุนของมาเลเซียในต่างประเทศปี 2555 อยู่ที่ราว 51พันล้านริงกิต และเมื่อพิจารณาโดยภาพรวมแล้ว การเติบโตทางเศรษฐกิจรวมในปี 2556  ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าน่าจะอยู่ในกรอบร้อยละ 4.4-5.2 โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ 5 จากร้อยละ 5.6 ในปี2555 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง