ชมสวน.."พริกขี้หนูรังสิมา" ของสายยนต์ คำมงคุณ ลูกดก เด็ดง่าย เก็บเกี่ยวเร็ว ผลผลิตสูง

สิ่งแวดล้อม
24 เม.ย. 56
06:47
20,446
Logo Thai PBS
ชมสวน.."พริกขี้หนูรังสิมา" ของสายยนต์  คำมงคุณ ลูกดก เด็ดง่าย เก็บเกี่ยวเร็ว ผลผลิตสูง

สายยนต์ คำมงคุณ เกษตรกรสาวชาวชัยภูมิ เปิดสวนโชว์พริกขี้หนูรังสิมา จากเจียไต๋ ลูกดก น้ำหนักดี สีสวย เผ็ดจัดจ้านโดนใจลูกค้า เก็บเกี่ยวได้เร็ว ผลผลิตสูง เผยปีนี้ขายได้ราคาดีปลูกรุ่นแรกได้ผลผลิต 2 ตันกว่า ใน 4 ไร่ คาดเก็บเกี่ยวเสร็จสร้างรายได้ให้ครอบครัวร่วมกว่า 3 แสนบาท

 พริกขี้หนู นิยมปลูกมากในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะแถบชัยภูมิ ขอนแก่น อุบลราชธานีฯ โดยจะเริ่มปลูกกันหลังจากเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อหลีกเลี่ยงแมลงศัตรูพืช  เช่นเดียวกับคุณสายยนต์  คำมงคุณ  เกษตรกรใน จ.ชัยภูมิ      ที่นิยมปลูกพริกพืชหมุนเวียนมากว่า 8 ปีแล้ว สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 
สายยนต์  คำมงคุณ  กล่าวว่า  เกษตรกรย่านนี้ มักนิยมปลูกยาสูบและพริกเป็นหลัก เพราะเป็นพืชหมุนเวียนที่สามารถปลูกได้หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงแมลงศัตรูพืชที่มารบกวน  โดยที่สวนบริเวณนี้จะเน้นปลูกพริกขี้หนูรังสิมา ของเจียไต๋
 
“ปลูกพริกมานานแล้ว ลองปลูกพันธุ์ต่างๆ เปลี่ยนมาเรื่อยๆ  ก่อนจะมาลงตัวที่พริกขี้หนูรังสิมาในปัจจุบัน ซึ่งเป็นพริกขี้พันธุ์ใหม่ของเจียไต๋  ช่วงตัดสินใจลองปลูก ได้นำเมล็ดพันธุ์รังสิมา มาปลูกทดสอบกับพริกพันธุ์อื่นๆ เพื่อเทียบเคียงกับพริกที่เคยปลูก 4-5 ชนิดดังกล่าว พบว่า พริกขี้หนูรังสิมาจะมีการแตกแขนงเยอะ ข้อถี่ ลูกดก สีสวยเป็นมันวาว และน้ำหนักดีกว่าสายพันธุ์อื่นๆ  ที่พริกพันธุ์นี้โดดเด่นมากตรงที่  ก้านเด็ดง่ายไม่เหนียวเหมือนพันธุ์อื่น ทำให้ดอกและลูกไม่เสียหายหรือติดมือมา จึงทำให้ตัดสินใจเลือกปลูกพริกรังสิมามาตลอด”
 
วิธีการปลูก จะเริ่มเพาะต้นกล้าในช่วงเดือนธันวาคม โดยใช้เมล็ดพันธุ์ 2 กระป๋อง ประมาณ 100 กรัมในพื้นที่ 4 ไร่ เตรียมเมล็ดด้วยการแช่เมล็ดในน้ำอุ่น ที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที แล้วจึงนำไปแช่ในน้ำสารละลาย    โทนิค นาน 6 ชั่วโมง จากนั้นหุ้มด้วยผ้าที่เปียกหมาดๆ บ่มไว้ 2-3 วัน เมล็ดจะเริ่มงอกรากออกมา เมื่อเมล็ดงอกรากออกมายาวเล็กน้อย หรือมองเห็นเป็นตุ่มรากสีขาวจึงนำไปเพาะลงในวัสดุเพาะประมาณ 5-6 วัน เมล็ดจะเริ่มงอกเป็นต้นกล้า โดยในช่วงนี้จะต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอวันละ 1-2 ครั้ง เช้าและบ่าย จนต้นกล้าขึ้นใบจริง 3-4 ใบ ค่อยย้ายลงแปลงปลูก
 
ใส่ปุ๋ยในระยะแรกโดยใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อาทิตย์ละครั้ง มาละลายน้ำแล้วหยอดตามต้น พอพริกเริ่มโตจะใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ด้วยการหว่าน 15 วันต่อ 1 ครั้ง ส่วนการให้น้ำ หากเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ควรรดน้ำทุกวัน เพราะจะทำให้ต้นพริกแตกกิ่งแขนงดี ต้นหนา ลูกดก ต้นไม่หยุดชะงัก แต่เนื่องจากในแถบพื้นที่ จ.ชัยภูมิเจอภัยแล้ง ที่สวนจึงต้องรดน้ำพริกสัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้น แต่อย่างไรผลผลิตที่ได้ก็ยังถือว่าดีมาก
 
ส่วนโรคและแมลงที่จะมารบกวน จะพบเพลี้ยไฟมากในฤดูร้อน (ใช้ เจด 70 อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร) รวมทั้งหนอนแมลงวันทองระบาด (ใช้น๊อคทริน 35 % 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร) ซึ่งจะทำให้พริกสีเขียวกลายเป็นสีเหลืองแล้วหลุดร่วง ส่วนฤดูฝนมักพบเชื้อราในพริก โดยจะกำจัดโรคและแมลงศัตรูด้วยการฉีดพ่นสารเคมีบ้าง (ใช้เทนเอ็ม อัตรา 30-50 กรัมและไพรีซาน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร) พ่นเมื่อพบการระบาดของโรคและพ่นซ้ำทุกๆ 7 วัน แต่ข้อดีของพริกรังสิมา คือ         ใบจะเล็ก ทำให้แมลงศัตรูจะเข้ารบกวนยากและยังสะดวกต่อการฉีดพ่นยาด้วย เนื่องจากใบพริกจะไม่บังเมล็ดและดอก ทำให้ฉีดได้ทั่วถึง
 
 การเก็บเกี่ยวผลผลิต แถบนี้จะเน้นเก็บพริกแดงมากกว่า เริ่มเก็บครั้งแรกเมื่ออายุต้นพริกอายุ 80-90 วัน หลังจากย้ายต้นกล้า โดยจะเก็บพริกแดงรุ่นแรกที่เป็นลูกง่าม (ลูกแรกของต้นข้อกิ่ง) ซึ่งเก็บได้ถึง 10 ครั้ง พอรุ่นต่อไปพริกจะแตกแขนงเยอะกว่าเดิม ทำให้เก็บได้นานและมีปริมาณมากขึ้น โดยพริกแต่ละต้นจะให้ผลผลิตประมาณ 3-5 รุ่น จึงสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอด 6 เดือนเลยทีเดียว แต่ก็ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาที่ดีด้วยเช่นกัน
 
“พริกขี้หนูพันธุ์รังสิมา เป็นพริกพันธุ์ทรงพุ่มที่จะแตกแขนงตั้งแต่โคนง่ามต้นขึ้นมาทำให้มีแขนงเยอะ มีข้อถี่ทำให้ลูกดก น้ำหนักดี ผิวเงาสวย ต้นสูงขึ้นเรื่อยๆ รังสิมาจะสามารถเก็บผลผลิตได้เร็ว  ผลผลิตเฉลี่ยสูงกว่าพันธุ์อื่น และแม้ว่าจะเจอสถานการณ์ภัยแล้งขั้วผลยังเปราะทำให้เด็ดง่ายยอดพริกไม่เสียหาย แต่ถ้าเป็นพันธุ์อื่นๆ ขั้วผลจะเหนียวเด็ดยากทำให้ยอดพริกได้รับความเสียหายและเด็ดติดยอดพริกที่มีเม็ดเล็ก ๆ อยู่ออกมาด้วย และหากยอดหักเสียหายจะต้องรออีก 1 เดือนกว่าพริกจะแตกยอดออกมาทำให้เสียเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิต”
 
สำหรับปัญหาใหญ่ของการปลูกพริกในปีนี้ คือเรื่องภัยแล้ง เพราะมีความลำบากในเรื่องการให้น้ำ แต่อีกด้านก็ส่งผลดีที่ ทำให้ราคาพริกขยับตัวสูงขึ้น เนื่องจากพริกจากพื้นที่แถบอื่นๆ ได้ผลผลิตน้อยหรือแทบไม่มีเลย นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัญหาคือเรื่องแรงงานในการเก็บพริกที่มีค่าจ้างแพงและหายาก โดยที่สวนจะให้ค่าจ้างคนเก็บพริกกิโลกรัมละ 10 บาท      ในพื้นที่ 4 ไร่จึงใช้คนงาน 6 คนเก็บทั้งวัน ได้คนละประมาณ 60-70 กิโลกรัมต่อวัน โดยใช้เวลาเก็บ 4-5 วันต่อรุ่น
 
“เรื่องการขายไม่ต้องห่วง เพราะจะมีพ่อค้า-แม่ค้ามารับซื้อถึงหน้าสวน เพื่อส่งต่อไปยังโรงงานทำซอสพริก และส่งขายตลาดใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ พ่อค้าที่มารับซื้อจะชอบพริกพันธุ์นี้มาก เนื่องจากมีสีเข้ม มันวาวเป็นเงากว่าพันธุ์อื่น ราคาพริกในปีนี้ถือได้ว่ามีราคาสูงที่สุดที่เคยขายมา เนื่องจากปีนี้เกิดภาวะแล้งจัด ทำให้พริกขาดตลาด ราคาจึงขยับขึ้นมาอยู่ที่   50-60 บาทต่อกิโลกรัม ผลผลิตที่ได้สำหรับรุ่นแรกที่เก็บไปร่วม 2 ตัน ถือว่าให้ผลผลิตสูงมาก และยังให้ผลผลิตมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่ให้ผลผลิตต่อรุ่น ประมาณ 1.7 ตันเท่านั้น  คาดว่าหากราคาพริกได้ราคาดีและให้ผลผลิตที่ดีแบบนี้ เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดจะสามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวมากกว่า 3 แสนบาทแน่นอน” คุณสายยนต์  กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
 
ด้านคุณกัญญา รอดเสียงล้ำ ผู้จัดการส่วนปรับปรุงพันธุ์พืชธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวทิ้งท้ายว่า พริกขี้หนูลูกผสม  พันธุ์รังสิมา เป็นสายพันธุ์พริกล่าสุดที่ทางเจียไต๋ได้พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นและได้กลายเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร นิยมปลูกมากในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือและได้รับความนิยมมากในจังหวัดขอนแก่น โดยเกษตรกรต่างยอมรับว่าเป็นพริกที่ให้ผลผลิตสูงมาก เก็บเกี่ยวได้รวดเร็วตั้งแต่อายุ 70 วันหลังย้ายกล้า สำหรับผลเขียว และอายุ 90 วันหลังย้ายกล้าสำหรับผลแดง ขั้วผลเปราะเด็ดง่าย สีผลค่อนข้างเข้ม ผิวเรียบตึง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผลประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 7 ซม. น้ำหนักเฉลี่ย 3 กรัมต่อผล เมื่อเก็บผลผลิตครั้งที่สองก็ให้ผลผลิตดีไม่มีตก มีรสเผ็ดจัดจ้าน ทำให้ขายผลผลิตได้ราคาดีมากจนเป็นที่นิยมต่อเกษตรกร


ข่าวที่เกี่ยวข้อง