จนท.บังกลาเทศช่วยเหลือผู้รอดชีวิต จากเหตุตึกถล่มได้อีก 12 คน-ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 300 คน
ทีมกู้ภัยเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บที่ช่วยออกมาได้จากใต้ซากอาคาร 8 ชั้น ที่ตั้งของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่พังถล่มลงมาเมื่อวันพุธ ซึ่งแม้จะผ่านมาสองวันแล้ว แต่ทีมกู้ภัยยังไม่ละความพยายามที่จะขุดค้นตามซากอาคาร เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ยังรอดชีวิต ซึ่งวันนี้มีรายงานว่า ทีมกู้ภัยและทหาร สามารถช่วยผู้บาดเจ็บขึ้นจากซากตึกได้ 12 คน นอกจากนี้ยังมีผู้รอดชีวิตบางรายที่ติดอยู่ใต้ซากคอนกรีตด้วยสภาพอ่อนแอเต็มที และต้องเร่งรีบช่วยเหลือแข่งกับเวลา
อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการทหารที่สั่งการช่วยเหลือในพื้นที่เปิดเผยว่า แม้จะยังพบผู้รอดชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขณะนี้พบศพผู้เสียชีวิตแล้วถึง 300 คน แต่เจ้าหน้าที่จะยังเดินหน้าขุดค้นหาผู้รอดชีวิตต่อไปจนถึงวันเสาร์เป็นอย่างน้อย จนถึงตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า มีคนงานอยู่ในอาคารกี่คนขณะเกิดเหตุ แต่จากข้อมูลโรงงานที่ตั้งอยู่บนอาคารดังกล่าว จ้างงานรวม 3,122 คน และจากรายงานของทีมกู้ภัย สามารถช่วยผู้รอดชีวิตได้แล้วมากกว่า 2,200 คน
การช่วยเหลือดำเนินไปท่ามกลางฝูงชนที่รวมตัวอยู่โดยรอบซากอาคารซึ่งบางครอบครัวแสดงอาการโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด บางคนก็ถือภาพของผู้ที่สูญหายด้วยความหวังจะพบผู้เป็นที่รัก ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามกั้นพื้นที่เกิดเหตุ เพราะเกรงว่า หากคนมารวมตัวกันมากๆ ก็อาจส่งผลถึงปฏิบัติการช่วยเหลือผู้รอดชีวิต
ขณะที่คนงานในภาคอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าในเขตอุตสาหกรรมซาวา สถานที่เกิดเหตุอาคารถล่ม เดินขบวนประท้วงไปตามท้องถนนในกรุงธาการ์ เพื่อเรียกร้องให้นำตัวเจ้าของอาคารที่พังถล่มมาลงโทษ รวมทั้งให้รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าของโรงงาน ไปจนถึงแบรนด์เสื้อผ้าที่ซื้อเสื้อผ้าจากโรงงานที่ตั้งบนอาคารที่พังถล่ม ต้องร่วมรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภายหลังมีรายงานว่าตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมของคนงาน
ขณะเดียวกันวันนี้มีการเปิดเผยภาพที่บักทึกไว้ก่อนหน้าอาคารรานา พลาซ่าจะพังถล่มลงมา โดยเป็นภาพเหตุการณ์ที่ตำรวจในกรุงธาร์กา เดินทางไปตรวจสอบสภาพอาคารที่เกิดรอยร้าวที่โครงสร้างเมื่อวันอังคาร หรือ 1 วันก่อนที่โรงงานจะถล่ม ซึ่งตำรวจกรุงธาร์การะบุว่า ได้ออกคำสั่งให้มีการอพยพประชาชนออกจากอาคารแห่งนี้แล้ว แต่โรงงานต่างๆที่ทำการในอาคารแห่งนี้กลับละเลยคำสั่งของเจ้าหน้าที่ จึงเกิดเหตุสลดใจในที่สุด