ดีเอสไอ เตรียมสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. หลังพบการซื้อยาขององค์การเภสัชกรรม เข้าข่ายฮั้วประมูล

กรมสอบสวนคดีพิเศษ พบการจัดซื้อวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอลของผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เข้าข่ายฮั้วประมูลสั่งซื้อโดยไม่มีแผนการผลิต เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเดียว โดยไม่มีประกวดราคา รวมทั้งอดีตประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม เข้าข่ายละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ และเตรียมสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยผลการสืบสวนกรณีการจัดซื้อวัตถุดิบยาพาราเซตามอล ขององค์การเภสัชกรรม ว่า เป็นการจัดซื้อวัตถุดิบที่ไม่มีแผนการผลิตและสั่งซื้อจากบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.อาร์.เคมีคอล โดยไม่มีการแข่งขันราคา ดังนั้น นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม จึงเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ปี 2542 มาตรา 12 และผิดฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ส่วนนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม มีหน้าที่กำกับดูแลการทำงานในขณะที่มีการจัดซื้อแต่ไม่ท้วงติง จึงเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เช่นเดียวกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป

ขณะที่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า การตรวจสอบของดีเอสไอ เป็นเพียงการชี้มูลเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้พูดว่าเป็นความผิด ทั้งนี้ได้ส่งเรื่องให้ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม ไปพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งมีคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ และนำผลที่ได้ไปรวมกับผลการสอบสวน กรณีการสำรองวัตถุดิบพาราเซตามอล, การสำรองวัตถุดิบโอเซลทามีเวียร์, กรณียาโรคหัวใจ และการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีผลการตรวจสอบออกมา

ทั้งนี้ นพ.ประดิษฐ ยังยืนยันว่า ไม่กังวลแรงต้านจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม เพราะเมื่อมีเหตุผล ข้อมูลต่างๆ ออกมาแล้ว ทางสหภาพฯ ควรกลับมาช่วยกันแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก