เรย์ แฮร์รีเฮาเซน ต้นตำรับนักออกแบบเทคนิคพิเศษที่สร้างความตื่นตาให้กับแฟนหนังมาหลายทศวรรษ ด้วยการออกแบบสัตว์ประหลาดที่มีอยู่เพียงในเทพนิยาย หรือสิ่งมีชีวิตจากยุคดึกดำบรรพ์ สามารถโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มได้อย่างสมจริง ด้วยการใช้เพียงดินเหนียวมาปั้นเป็นแบบจำลองขนาดเล็ก แล้วทำให้เคลื่อนไหวด้วยการนำภาพนิ่งทีละช็อตมาเรียงร้อย หรือเทคนิค stop-motion model animation ที่ช่วยให้ศิลปะการถ่ายทำภาพยนตร์ก้าวสู่มิติใหม่
เรย์ แฮร์รีเฮาเซน หันมาตั้งใจกับงานสร้างสเปเชียล เอฟเฟคตั้งแต่วัย 13 ปี หลังได้ชม คิงคอง ต้นตำรับหนังแฟนตาซี ปี 1933 เขาจึงกลับบ้านมาออกแบบหมีที่ตัดจากชุดขนสัตว์เก่าของแม่เพื่อสร้างเป็นหนังสั้น ผลงานที่ออกมาประทับใจผู้ปกครองจนเขาไม่ถูกลงโทษ ก่อนไปฝึกฝีมือกับ วิลลิส โอ ไบรเอน ผู้สร้างเทคนิคพิเศษให้คิงคอง ทั้งคู่มีได้ร่วมงานในหนังใหญ่เรื่องแรกMighty Joe Young ของแฮรีเฮาเซน ที่ประสบความสำเร็จคว้าออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษในปี 1949
แฮร์รีเฮาเซน ได้พัฒนาเทคนิคส่วนตัวที่เรียกว่า Dynamation ซึ่งเป็นการถ่ายทำแบบจำลองแยกออกจากส่วนของนักแสดง ซึ่งช่วยให้ดูสมจริงมากขึ้น จนเป็นผลงานที่ติดตาแฟนหนังช่วงยุค 50 - 70 ทั้ง ฉากหมึกยักษ์ทำลายสะพานโกลเดนเกทใน It Came from Beneath the Sea เอเลี่ยนโจมตีวอชิงตัน ดี.ซี. ใน Earth vs. the Flying Saucers การต่อสู้ของยักษ์ตาเดียวกับกริฟฟินใน The Golden Voyage of Sinbad หรือ การต่อสู้ของนักรบกับปีศาจโครงกระดูกใน Jason and the Argonauts ที่ฉากเพียง 4 นาทีในหนังต้องใช้เวลาในการถ่ายทำถึง 4 เดือน
แม้จะเกษียณตัวเองไปตั้งแต่ปี 1981 แต่จินตนาการของเขา เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักสร้างหนังรุ่นต่อมาหลายคน ทั้ง จอร์จ ลูคัส ที่นำเทคนิคของเรย์ แฮร์รีเฮาเซน มาสร้าง Star Wars จนถึง ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่สร้างหนังตำนานแหวนและคิงคองโดยมีงานของเรย์ แฮร์รีเฮาเซน เป็นต้นแบบ ขณะที่ปัจจุบันนักสร้างหนังแต่งเติมฝันบนจอภาพยนตร์ด้วยเทคนิค CGI ที่ต้องพึ่งทุนสร้างมหาศาลและทีมงานนับร้อยคน แต่ผลงานที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยจินตนาการ ที่มาจากงานสร้างสรรค์เพียงลำพังของแฮรีเฮาเซน ยังคงได้รับการยกย่องให้เป็นผลงานที่เปิดมิติใหม่แก่วงการภาพยนตร์เสมอ