ความขัดแย้งทางความเห็นเกี่ยวกับการใช้ดอกเบี้ยนโยบายมาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ทำให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ พร้อมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. รวมทั้งตัวแทนจากสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าหารือพิเศษในวันจันทร์หน้า (13 พ.ค.) เพื่อปรับความเข้าใจและรับทราบผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า หากเศรษฐกิจได้รับปัจจัยและเครื่องมือกระตุ้นที่เหมาะสม โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีเสถียรภาพด้านราคา ก็จะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสร้างงานและกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศ
นายกิตติรัตน์ ยังย้ำว่า การลดดอกเบี้ยไม่กระตุ้นภาวะฟองสบู่ เพราะประชาชนมีความต้องการซื้อจริงมากกว่าเก็งกำไร อีกทั้งสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออีกด้วย
ขณะที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับการสอบถามจากคณะกรรมาธิการ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ถึงความขัดแย้งกับกระทรวงการคลัง ต่อการลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยผู้ว่าแบงก์ชาติ ระบุว่า ดอกเบี้ยนโยบาย เป็นดอกเบี้ยระยะสั้น ไม่ช่วยแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งได้มากนัก เพราะเงินทุนต่างชาติ ไหลเข้าตลาดพันธบัตรระยะยาวมากกว่า
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ยังระบุว่า หากลดดอกเบี้ย อาจกระทบต่อวินัยการเงินประเทศ และการรักษาดุลภาพเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจโลก ยังมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ ทยอยยกเลิกมาตรการอัดฉีดเม็ดเงิน หรือ คิวอี
สำหรับการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทวันนี้ (9 พ.ค.) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย รายงานอยู่ที่ดอลลาร์สหรัฐฯละ 29 บาท 44 - 46 สตางค์ อ่อนค่าลงจากเมื่อวานนี้ (8 พ.ค.)เล็กน้อย โดยนักวิเคราะห์ มองว่า เป็นการอ่อนค่าตามกลไกตลาด มากกว่ากังวลมาตรการแก้ปัญหาเงินทุนไหลเข้าของรัฐบาล