ระดมแก้ปัญหา"ค่าเงินบาท" แข็งค่ามากและเร็วที่สุดในรอบ 16 ปี

เศรษฐกิจ
13 พ.ค. 56
14:38
91
Logo Thai PBS
ระดมแก้ปัญหา"ค่าเงินบาท" แข็งค่ามากและเร็วที่สุดในรอบ 16 ปี

ตลอดวันที่ 13 พฤษภาคม มีความพยายามหาทางออกให้กับปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท โดยหน่วยงานรัฐด้านเศรษฐกิจ และการเงิน หารือร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แม้ว่าหลังการหารือจะไม่มีมาตรการใดๆ ออกมา แต่การหารือเพื่อรับฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ ก็อาจมีแนวทางเป็นข้อมูลไปที่กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางแก้ปัญหา

เป็นครั้งแรก ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งมีความสำคัญกำหนดดอกเบี้ยนโยบาย เข้าประชุมเกือบทั้งคณะ ร่วมกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมกับ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดกระทรวงพาณิชย์, ปลัดกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน และก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ กนง. มีโอกาสรับฟัง ปัญหาและผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาทจากภาคเอกชน

ไม่มีมติใดๆออกมา หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น แต่ท่าทีที่เปลี่ยนไปทั้งจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ลดความแข็งกร้าว โดยเฉพาะประเด็นการลดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นวิวาทะก่อนหน้านี้ มีข้อสังเกตจาก ผู้เข้าร่วมจากภาคเอกชนบางกลุ่ม ว่า การหารือร่วมกันของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ทั้งการเงิน และกาคลัง ในวันหยุดไม่ใช่วาระปกติ และไม่มีข้อสรุปใดๆ ออกมา แต่ระหว่างการประชุม ก็เห็นตรงกันให้จัดประชุมร่วมกันบ่อยครั้งมากขึ้น หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ และให้สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ประสานงาน

ขณะที่ ตัวแทนเอกชน เช่น สภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม พอใจที่การประชุมเป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดี สอดคล้อกกับค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลง ทำให้มีความหวังว่าการส่งออกในไตรมาส 2 จะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังวางใจไม่ได้

ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและแข็งค่าที่สุดในรอบ 16 ปี เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 28 บาท 50 สตางค์ต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ และมีกระแสกดดันจากทั้งฝ่ายการเมืองและเอกชน ที่ต้องการให้กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 1 จากระดับปัจจุบันร้อยละ 2.75 แต่ขณะนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอยู่ที่ 29 บาท 83 สตางค์ต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า มีสาเหตุจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และอาจมีผลในระยะยาวกับไทย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง