กลุ่มกรีนจี้ กสทช.ตรวจสอบมาตรฐานความแรงสัญญาน 3จี

Logo Thai PBS
กลุ่มกรีนจี้ กสทช.ตรวจสอบมาตรฐานความแรงสัญญาน 3จี

ตัวแทนกลุ่มกรีน ยื่นหนังสือต่อ กสทช.ให้ตรวจสอบการมาตรฐานความแรงสัญญาน 3 จี ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และทำให้มีผู้ยื่นร้องเรียนไปที่ สำนักงาน กสทช.เพื่อขอให้ตรวจสอบ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตาม ก็จะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ตัวแทนกลุ่ม กรีน โพลิทิคส์ “Green Politics” นำโดย นายจาตุรันต์ บุญเบญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ยื่นหนังสือให้นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ สำนักงาน กสทช.เพื่อขอให้ตรวจสอบมาตรการเปิดให้บริการ 3G และกรณีการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงิน ที่ยังไม่มีผลในทางปฏิบัติโดยเห็นว่า เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ กสทช.โดยตรง

โดยเฉพาะประเด็นเงื่อนไขแนบท้ายการออกใบอนุญาตประกอบกิจการ 3G ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย ต้องลดค่าใช้บริการลงร้อยละ 15 จากอัตราปัจจุบัน แต่จากการตรวจสอบแพกเกจต่างๆ ที่ให้บริการ พบว่า ยังไม่ปฏิบัติตามประกาศของ กสทช. ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค มีความเร็วสัญญาณอยู่ในระดับ 2G เท่านั้น เช่น แพกเกจทั้ง 3 ค่าย จำกัดความเร็วสูงสุดที่ 64 กิโลบิท 128 และ 256 กิโลบิท ตามลำดับ ทั้งที่ควรจะเป็น 345 กิโลบิท ตามที่ กสทช.กำหนด เกี่ยวกับ มาตรฐานการให้บริการโทรคมนาคมประเภทข้อมูลสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
 
ทั้งนี้ หาก กสทช.ไม่สามารถสั่งเอกชนให้ลดราคาได้ ก็จะยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยเห็นว่า กสทช.ไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เหมือนกรณีปัญหา ที่ห้ามกำหนดวันหมดอายุโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ที่เอกชนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง

ทั้งนี้ กสทช.ได้ออกใบอนุญาตให้เอกชน เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 พร้อมกำหนดเงื่อนไขที่เอกชนต้องปฏิบัติตาม 4 ข้อ ได้แก่  ลดค่าบริการทั้งเสียงและดาต้าลง 15% ก่อนเปิดให้บริการ การให้บริการต้องครอบคลุมประชากร 50% ภายใน 2 ปี และเพิ่มเป็น 80% ภายใน 4 ปี อัตราความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลต้องไม่น้อยกว่าอัตราที่กำหนดไว้ คือ 354 กิโลบิท ต่อวินาที (kbps) และ ห้ามกำหนดวันหมดอายุของบริการแบบเติมเงิน

โดยข้อเท็จจริงพบว่าแพกเกจการให้บริการของผู้ประกอบการทั้ง 3 ค่ายยังคงจำกัดความเร็วในการรับส่งข้อมูลหลังจากใช้งาน 3G ความเร็ว สูงสุดหมดลง (FUP) ที่ 64kbps 128kbps และ 256kbps ตามลำดับในความแพง และราคาของแพกเกจนั้นๆ ซึ่งความเร็วขนาดนี้เป็นแค่ความเร็วสูงสุดของระบบ 2G เท่านั้น ทั้งที่ควรจะเป็น 345 kbps ตามเจตนารมย์ของประกาศ กสทช. เรื่อง “มาตรฐานการให้บริการโทรคมนาคมประเภทข้อมูลสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G”

นอกจากนี้กรณีของ AIS ยังเป็นการเลี่ยงบาลีหนีประกาศ กสทช.แทนที่จะ ลดราคาลง 15% แต่ดันไปเพิ่มปริมาณแต่ราคายังเป็นราคาเดิม ซึ่งถึงว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมย์ของเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตที่ กสทช. ประกาศไว้ออกใบอนุญาต โดยกลุ่มกรีนเห็นว่า กสทช. มีอำนาจตาม พรบ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ปี พ.ศ. 2544 หาก กสทช. ไม่สามารถกำกับดูแลการให้บริการ 3G และกรณีบัตรเติมเงินได้ ก็เท่ากับว่า กสทช.ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนอาจถูกกล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.ได้

ทั้งนี้ทางกลุ่มกรีนจะดำเนินการติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากมีความไม่ชอบมาพากลทั้งในส่วนของ กสทช.และบริษัทเอกชนผู้ประกอบการ ทางกลุ่มจะดำเนินการยื่นข้อมูลเพิ่มเติมต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองกำลังพิจารณาคำฟ้องกรณีการประมูล 3G ที่เข้าข่ายไม่โปร่งใส และรวมทั้งกรณีที่ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช.กรณีจัดประมูล 3G ที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายฮั้วประมูล โดยหวังว่า กสทช.ในฐานะองค์กรอิสระกำกับดูและกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมของชาติ จะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคและผลประโยชน์ของชาติอย่างไม่มีวาระซ่อนเร้นแต่อย่างใด

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ยืนยัน ว่า ข้อเรียกร้องทั้งหมดของกลุ่มกรีน เป็นสิ่งที่ กสทช.ปฏิบัติอยู่แล้ว ซึ่งประชาชนจะตรวจสอบค่าใช้บริการได้ลดลงจากอัตราปัจจุบันทุกโปรโมชั่น ร้อยละ 15 หรือไม่ ให้โดยสังเกตจากใบแจ้งค่าใช้บริการ ในวันที่ 7, 8 และ 9 มิถุนายนที่จะถึง ซึ่งเป็นช่วงกำหนดครบรอบ 1 เดือน ที่ ค่ายมือถือ ทั้ง เอไอเอส, ทรู และ ดีแทค เปิดให้บริการ 3 จี เป็นทางการ ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใด ไม่ยินยอมลดค่าบริการทั้งเสียงและข้อมูลลงร้อยละ 15 สำนักงาน กสทช. จะมีหนังสือแจ้งเตือน, ปรับ, เพิกถอนใบอนุญาต และพักใช้ใบอนุญาต ตามลำดับโทษที่กำหนด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง