วิกฤตสัมปทานรังนกนางแอ่น จ.ชุมพร หลังจีนห้ามนำเข้าทุกประเทศ
ปัญหาการประมูล สัมปทานรังนกนางแอ่น อ.ปะทิว จ.ชุมพร ที่ไม่มีผู้ประกอบการเข้าร่วม แม้จะเปิดประมูลมาแล้ว 3 รอบ และลดราคากลางที่ตั้งไว้กว่า 600 ล้านบาท เหลือ 400 ล้านบาท เป็นเพราะว่า ส่วนใหญ่เกรงจะประสบปัญหาขาดทุน ซึ่งเป็นผลกระทบจากกรณีทางการจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญ สั่งห้ามนำเข้ารังนกจากทุกประเทศ หลังพบสารก่อมะเร็งในรังนกจากประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังถูกประกาศให้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย
คนงานบริษัทเบสท์ เนสท์ จำกัด ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการปีนขึ้นเก็บรังนกนางแอ่น บนเพดานถ้ำเขาทะลุ เขตอ.เมือง จ.กระบี่ แม้ปัจจุบันทางการจีน จะสั่งห้ามนำเข้า ทำให้รังนกที่เคยส่งออกขายได้สูงถึงกิโลกรัมละ 150,000 บาท ก่อนเกิดภาวะวิกฤติ หรือในช่วงปลายปี 2554 ตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 10,000 บาท แต่ยังไม่สามารถระบายสินค้าได้
วิกฤติรังนกราคาต่ำตก และไม่สามารถส่งขายได้ ทำให้การเปิดประมูลสัมปทานรังนกเฉพาะบนเกาะรัง เกาะเวียง และเกาะชิกง ในเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ที่มีมาแล้ว 3 รอบ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา โดยรอบแรกมีการตั้งราคากลางไว้ที่ 672 ล้านบาท, รอบที่ 2 ลดลง 537 ล้านบาท และล่าสุดปรับลดลงเหลือ 403 ล้านบาท มีการปิดขายซอง เมื่อ 2 วันก่อน พบว่า ยังไม่มีผู้ประกอบการสนใจเข้าประมูล เพราะส่วนใหญ่ เกรงว่า จะประสบปัญหาการขาดทุน
ขณะที่นายกองค์การบริหารส่วนจ.พัทลุง ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนก ระบุว่า แม้ผู้ประกอบการเจ้าของสัมปทานรังนก บนเกาะสี่ เกาะห้า ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน มูลค่าการประมูลกว่า 700 ล้านบาท จะไม่สามารถระบายรังนกภายในสต็อกส่งออกขายได้ แต่การจ่ายภาษีให้กับท้องถิ่น เฉลี่ยปีละ 78 ล้านบาท ไม่ได้สะดุดตามไปด้วย
รังนกนางแอ่นธรรมชาติที่อาศัยอยู่เกาะของไทย มีทั้งหมด 8 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดตราด ประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้มีมากที่สุดทั้งในจ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ตรัง และจ.สตูล ส่วนที่เหลือเป็นรักนกบ้าน หรือที่เรียกว่า รังนกคอนโด แม้จะเป็นธุรกิจที่มีได้รับการเปิดเผยตัวเลขมากนัก แต่พบว่า ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทย มีการจัดเก็บภาษีอากร ได้สูงถึงปีละ 3100 ล้านบาท สำหรับการส่งออกจะพึ่งตลาดจีน ที่กำลังประปัญหาการนำเข้าเป็นหลัก
