ครอบครัว “โมฮัมมัด อัลรูไวลี่” ร่วมฟังการสืบพยานคดีอุ้มฆ่า

อาชญากรรม
20 พ.ค. 56
07:57
66
Logo Thai PBS
ครอบครัว “โมฮัมมัด อัลรูไวลี่” ร่วมฟังการสืบพยานคดีอุ้มฆ่า

ศาลนัดคู่ความฟังผลการสืบพยานคดีนักธุรกิจและเชื้อพระวงศ์ซาอุดิอาระเบีย โดยในวันนี้มีน้องชาย และญาติผู้เสียชีวิตจากประเทศซาอุดิอาระเบียเข้าร่วมรับฟัง

นายอาทิก อัลรูไวลี่ น้องชายของนายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย พร้อมด้วยนายมาทรูก อัลรูไวลี่ ญาติของนายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ เดินทางมาประเทศไทย เพื่อร่วมฟังการพิจารณานัดพร้อมคู่ความของศาลอาญา ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพลตำรวจโทสมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ กับพวกเป็นจำเลย ในคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่

ในวันนี้ ศาลนัดพร้อมฟังผลสืบพยาน พันตำรวจโท สุวิชชัย แก้วผลึก พยานปากสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ก่อนหน้านี้ ศาลได้อนุญาตให้มีการส่งประเด็นไปสืบที่สหรัฐรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ซึ่งอัยการโจทก์ได้แถลงต่อศาลว่า มารดาของนายอัลรูไวรี่ได้ยื่นคำร้องเพื่อขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในคดีนี้ โดยนำพี่ชายของนายอัลรูไวรี่ และเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงของประเทศซาอุดิอารเบียมาเบิกความ โดยทั้ง 2 เบิกความสรุปว่า บุคคลที่ยื่นคำร้องเป็นแม่ของผู้ตายจริง และมีการเซ็นเอกสารถูกต้องต่อหน้าเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ขณะที่ทนายจำเลยแถลงค้านว่า ฝ่ายจำเลยยังไม่ได้รับเอกสาร และไม่เชื่อว่าบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นมารดาของผู้ตายจริง

ด้านอัยการได้แถลงต่ออีกว่า การสืบพยานปากพันตำรวจโทสุวิชชัยนั้น ใด้เสร็จสิ้นแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเเปลเอกสารคำเบิกความจากภาษาอารบิกเป็นภาษาไทย โดยประสานเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา และสามารถรับรองผลการยืนยันได้ เป็นผู้ดำเนินการเเปล ซึ่งขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ นอกจากนี้จะเตรียมเดินทางไปรับฟังบันทึกถ้อยคำแถลงของพยานปากนี้ที่สถานทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันที่ 31 พฤษภาคม โดยหากฝ่ายจำเลยประสงค์จะร่วมเดินทางไปรับฟังและสังเกตุการณ์ก็สามารถทำได้

ส่วนทนายจำเลยได้แถลงค้านว่า เหตุใดจึงไม่นำพยานปากนี้มาสืบพยานที่ประเทศไทย เพราะพยานมีภูมิลำเนาในประเทศไทย และอยู่ให้ความคุ้มของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเอสไอ จะต้องนำตัวมาสืบพยานในประเทศ อีกทั้งตามกฎหมายการสืบพยานลับหลังจำเลยไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะต้องสืบต่อหน้าทนายจำเลยเท่านั้น เพราะจะได้มีโอกาสถามหากสงสัยในพิรุธในพยานปากนี้ และทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งจะเป็นบรรทัดฐานในอนาคตหากมีคดีใหญ่เกิดขึ้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง