แพทย์ดีเด่นศิริราช อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี จ.สงขลา เห็นว่าความขัดแย้งภายในกระทรวงสาธารณสุข เป็นเพราะผู้บังคับบัญชาไม่ยอมลดทิฐิ เพื่อรับฟังความเห็นและเจรจาหาทางออกกับผู้ใต้บังคับบัญชา จึงทำให้ปัญหาบานปลาย
ทั้งนี้เห็นว่า ที่ผ่านมากระทรวงฯ พยายามแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ ด้วยการผลิตแพทย์เพิ่มปีละกว่าหนึ่งพันคน และผลิตแพทย์เฉพาะทางอีกปีละหนึ่งพันคน ซึ่งหากทำลายระบบสร้างแรงจูงใจด้วยระบบค่าตอบแทนตามภาระงาน ก็จะทำให้พื้นที่ขาดแคลนบุคลากรอีก รวมถึงการปลดผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กำลังสร้างความกังวลว่าเป็นการเปิดทางให้ระบบธุรกิจเอกชนเข้ามาแสวงหากำไรจากทรัพยากรที่รัฐลงทุนผลิต และการร่วมจ่ายในระบบหลักประกันสุขภาพ เสมือนการรวบอำนาจจาก สปสช.ไปอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข เหล่านี้เป็นปัญหาวิกฤตศรัทธา" หรือ "วิกฤตผู้นำ" ซึ่งทางออกเดียวคือ ต้องปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท เชื่อว่า การชุมนุมที่บ้านนายกรัฐมนตรีในวันที่ 6 มิถุนายน ของชมรมแพทย์ชนบท เครือข่ายสหวิชาชีพและเครือข่ายผู้ป่วย จะมากกว่าการเคลื่อนไหวทุจริตยา 1,400 ล้านบาท เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์ไม่ต้องการให้ระบบสุขภาพของประเทศถูกบั่นทอน และเห็นว่าการขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีก็ไม่ควรเพิกเฉยเพราะเป็นการมาเรียกร้องเพื่อประชาชน พร้อมระบุว่า การที่ผู้บริหารข่มขู่จะใช้อำนาจตรวจสอบการเคลื่อนไหว ยิ่งเป็นการทำให้สถานการณ์ยากต่อการเยียวยา เหมือนปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เริ่มก่อตัวจากความไม่เป็นธรรมและความอยุติธรรมของอำนาจรัฐ
ขณะที่นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า คณะผู้บริหารกระทรวงเตรียมประชุมหารือการเคลื่อนไหวของชมรมแพทย์ชนบท โดยเฉพาะการออกหน่วยบริการผู้ป่วยนอกสถานที่ หรือโรงพยาบาลสนาม ที่บ้านนายกรัฐมนตรีว่าได้ขอนุญาตกองการประกอบโรคศิลปะหรือไม่
ด้านทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ สปสช. ที่ร่วมชุมนุมในวันที่ 6 มิถุนายน ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่สามารถดำเนินการและแสดงออกได้ตามหลักการสิทธิมนุษยชน และไม่เกี่ยวข้องกับท่าทีหรือความคิดเห็นของสปสช.