ผู้นำศาสนาปัตตานีชี้
ขณะที่ภาครัฐยืนยันจะเดินหน้าการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มก่อความไม่สงบต่อไป พรรคฝ่ายค้านก็ออกมาเรียกร้องให้ทบทวนการดำเนินการดังกล่าว เพราะไม่ส่งผลด้านดี ซึ่งก่อนจะมีการพูดคุยสันติภาพรอบที่ 3 ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ กลุ่มที่อ้างตัวเป็นกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น ได้เผยแพร่คำอธิบาย ข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ที่เคยนำเสนอผ่านยูทูปในก่อนการพูดคุยสันติภาพรอบ 2 ซึ่งกรณีนี้ผู้นำศาสนาเชื่อว่า เป็นความต้องการในการตอกย้ำข้อเรียกร้อง เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองในการเจรจารอบใหม่
สื่อมวลชนหลายแขนงเชื่อว่า คำแถลงผ่านวีดีโอที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูบเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นหนึ่งในคณะพูดคุยสันติภาพของบีอาร์เอ็นกับฝ่ายไทย ซึ่งอ้างว่าชื่อ นายฮัจญี อาดัม มูฮัมหมัด นูร (Hj. Adam Muhammad Nur) น่าจะเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงต่อท่าทีของกลุ่มบีอาร์เอ็น
เนื่องจากถ้อยแถลงครั้งนี้ เป็นความพยายามในการอธิบายข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ที่ นายฮัสซัน ตอยิบ กับ นายอับดุลการิม คาลิบ สองแกนนำบีอาร์เอ็น เคยนำเสนอผ่านเว็บไซต์ยูทูปไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 เมษายน ก่อนจะมีการพูดคุยสันติภาพรอบ 2 เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา
สำหรับเนื้อหาในถ้อยแถลงมีความยาว 6.05 นาที ใช้ชื่อหัวข้อว่า "คำอธิบาย 5 ข้อเรียกร้องของบีอาร์เอ็น เมื่อ 29 เมษายน 2556 " คำแถลงดังกล่าว ได้เรียกประเทศไทยว่านักล่าอาณานิคมสยาม พร้อมบรรยายถึงการกระทำของรัฐว่าไม่มีความเป็นธรรมต่อประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมอธิบายเหตุผลของข้อเรียกร้อง 5 ข้อ เช่น การให้มาเลเซียยกระดับจากผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุย และเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเจรจา, การให้เอ็นจีโอ, องค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี และชาติอาเซียนร่วมเป็นสักขีพยานการเจรจา
ด้านนายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้นำศาสนาใน จ.ปัตตานี มองว่า คลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นความพยายามย้ำจุดยืนในข้อเรียกร้องทั้ง 5 ข้อ ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ และตัวแทนฝ่ายไทย ให้รับข้อเสนอในการพูดคุยครั้งหน้า ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ซึ่งเห็นว่า เป็นเรื่องที่ต้องวางแผนตั้งรับ
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุว่า หลังจากที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดการพูดคุยกับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ยิ่งทำให้ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้เพิ่มมากขึ้น ทั้งจำนวนและความรุนแรง จึงขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะการเดินหน้าในสิ่งที่ทำอยู่นี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ดีขึ้น แต่กลับเกิดเหตุร้ายรายวัน
