ทหารเร่งหาความเชื่อมโยงเหตุคนร้ายปล้นธนาคาร-กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปรียบเทียบการก่อเหตุ 6 เดือนในช่วงระยะเวลาเดียวกันพบว่า เกิดเหตุความรุนแรงมากขึ้นกว่า โดยมีคนเจ็บมากถึง 300 คน แต่คนตายลดลง 40 คน ส่วนผลพิสูจน์กระสุนปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุปล้นธนาคารในจังหวัดปัตตานี ทราบผลเพียง 1 กระบอกคือปืนชนิด 11 มิลลิเมตรเคยใช้ก่อเหตุมาแล้วถึง 12 คดีทั้งยิงชาวบ้านและตำรวจเสียชีวิต

 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เร่งตรวจสอบกระสุน จำนวน 5 -6 ชนิด ว่าเคยถูกนำมาใช้ในคดีความมั่นคงพื้นที่ใดบ้าง เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกับกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ หลังคนร้ายใช้ก่อเหตุ ยิงตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอยภัย ขณะนำกำลัง จำนวน 15 คน บุกปล้นเงินจากธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 คน พนักงานบริษัทขนเงินเสียชีวิต 1 คน และคนร้ายสามารถชิงเงินไปได้กว่า 5 ล้านบาท เมื่อ 2 วันก่อน

เบื้องต้นพบว่า ปืนขนาด 9 มิลลิเมตร ที่พบในที่เกิดเหตุเป็นปืนที่กลุ่มแนวร่วมเคยยิงผู้ใหญ่บ้านในอำเภอปานาเระ เสียชีวิต ก่อนปล้นปืนมา ส่วนรถยนต์ที่ถูกตำรวจยิงได้รับความเสียหายหมดทั้งคันก่อนคนร้ายหลบหนี ถูกปล้นมาพื้นที่ตำบลน้ำบ่อ

ล่าสุดกองพิสูจน์หลักฐานเปิดเผยว่ากระสุนที่พบ เป็นของปืนขนาด 11 มิลลิเมตร เอ็ม 16 อาก้า แต่ทราบผลแต่เพียงว่า ปืนขนาด 11 มิลลิเมตร เคยก่อเหตุมาถึง 12 คดี ทั้งเหตุยิงชาวบ้านและตำรวจเสียชีวิต ส่วนกระบอกอื่นยังอยู่ระหว่างการหาหลักฐานเพิ่ม

ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุป 6 เดือนของการก่อเหตุในช่วงเดียวกัน พบว่า ยอดผู้เสียชีวิตลดลง 40 คน แต่การก่อเหตุ มากขึ้นกว่าเดิมโดยมีคนเจ็บ เพิ่มขึ้น กว่า 300 คน ส่วนคดีคนร้ายปล้นเงินธนาคาร หน่วยงานความมั่นคงเอง ก็เร่งขยายผลสอบว่า เชื่อมโยงกับกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ กลุ่มใดบ้าง พร้อมปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หากมีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ว่าจะส่งผลกระทบกับเจรจาสันติภาพหรือไม่ บอกแต่เพียงว่าเป็นเรื่องของนโยบาย