การประท้วงรัฐบาลในตุรกีทวีความรุนแรงมากขึ้น
การปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วง ทั้งในกรุงอังการ่าและนครอิสตันบูล เริ่มต้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (31 พ.ค.2556) และเกิดขึ้นต่อเนื่องอีก 2 วัน ทำให้ตำรวจต้องฉีดแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูงใส่กลุ่มผู้ประท้วง เพื่อกันไม่ให้ผู้ประท้วงเข้าใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีโดลมาบาห์เช่ ซึ่งสื่อมวลชนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นว่า ตำรวจนอกเครื่องแบบทำร้ายผู้ประท้วง
การประท้วงในช่วง 3 วันที่ผ่านมาเกิดขึ้นใน 67 จังหวัดจากทั้งหมด 81 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจุดที่มีความรุนแรงคือที่นครอิสตันบูล,กรุงอังการ่าและจังหวัดอิซเมียร์ ซึ่งผู้ประท้วงได้ขว้างระเบิดเพลิงใส่ที่ทำการพรรคยุติธรรมและการพัฒนาหรือพรรคเอเค ของนายทายยิป เรเซ็ป เออร์โดกัน นายกรัฐมนตรี ด้านรัฐมนตรีกลาโหมของตุรกีระบุว่า ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงที่ก่อเหตุรุนแรงมากกว่า 1,700 คน ขณะที่สำนักงานแอนดาลูของรัฐบาลระบุว่ามีพลเรือนบาดเจ็บ 58 คนและเจ้าหน้าที่รัฐบาดเจ็บ 115 คน
โดยจุดเริ่มต้นของการประท้วงในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2556 เมื่อคนกลุ่มหนึ่งได้ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของรัฐบาล ด้วยการบุกเข้าไปในจตุรัสทักซิม ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะเกซี ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวแห่งสุดท้ายของนครอิสตันบูล เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ตัดต้นไม้ทำลายสวนสาธารณะ เพื่อนำที่ดินไปสร้างศูนย์การค้า แต่ทางการได้ขับไล่คนกลุ่มนี้ออกไป แต่คนกลุ่มนี้ไม่ยอมแพ้ จึงรวมตัวประท้วงอย่างสงบที่จตุรัส จนกระทั่งวันศุกร์ที่ผ่านมา (31 พ.ค.2556) ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปขับไล่ผู้ประท้วงออกจากสวนสาธารณะเพื่อเดินหน้าการตัดต้นไม้ โดยใช้วิธีรุนแรงอย่างการฉีดแก๊สน้ำตา ทั้งๆที่ผู้ประท้วงชุมนุมกันอย่างสงบ
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่สร้างความไม่พอใจให้ชาวตุรกีทั่วประเทศ ที่มองว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ไม่ฟังเสียงประชาชน เริ่มทำตัวเป็นเผด็จการ บางกลุ่มถึงกับมองว่ารัฐบาลของนายเออร์โดกัน กำลังจะเปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นรัฐอิสลาม
และเมื่ออวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 พ.ค.2556) นายกรัฐมนตรีเออร์โดกัน ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ผู้ประท้วงยุติการชุมนุมทันที และขอร้องว่าอย่าทำร้ายประชาชนด้วยกันเอง ส่วนเรื่องที่ตำรวจใช้ความรุนแรงและฉีดแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงจะต้องถูกสอบสวน แต่การร้องขอไม่ได้ผล ทำให้มีการประท้วงต่อเนื่อง ภายหลังนายเออร์โดกันกล่าวหาว่าพรรคสาธารณรัฐประชาชนซึ่งเป็นฝ่ายค้านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการประท้วงในครั้งนี้ เพื่อทำลายประชาธิปไตย การประท้วงในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่นายเออร์โดกันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2545