ชาวราชเทวีร้องรฟม. เร่งทำความเข้าใจ กรณีเวนคืนที่ดินสถานีรถไฟสายสีส้ม
ข้อความไม่เห็นด้วยกับการเวนคืนที่ดินหลายเเห่งในพื้นที่เขตราชเทวี ถูกนำมาติดไว้บริเวณหน้าอาคารตามเเนวถนนเพชรบุรีทั้ง 2 ฝั่ง หลังการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเเห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ประกาศขอเวนคืนที่ดินบางส่วน ไว้สำหรับทำทางขึ้น-ลงเเละทำที่จอดรถ ของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม
ชาวราชเทวี ที่มีหน้าบ้านอยู่ติดกับถนนเพชรบุรีทั้ง 2 คนนี้ เเสดงความกังวลกับผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้นจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า เนื่องจากบ้านของพวกเขากำลังจะถูกเวนคืนทำเป็นที่จอดรถ สำหรับผู้ที่มาใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งจะกินพื้นที่บริเวณบ้านทั้งหมด
โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นส่วนหนึ่งของระบบขนส่งมวลชนทางราง ในกรุงเทพมหานครเเละปริมณฑล โดยมีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเเห่งประเทศไทย หรือ รฟม.เป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบ มีทั้งโครงสร้างใต้ดินเเละยกระดับ เริ่มต้นจากสถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน เข้าสู่ย่านบางกอกน้อย ลอดเเม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่ย่านเมืองเก่าเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย เเละเขตดุสิต เข้าสู่ใจกลางเมืองย่านราชเทวี ประตูน้ำ ดินเเดง ไปศูนย์วัฒนธรรมเเห่งประเทศไทย ออกสู่ถนนรามคำเเหง จนไปสิ้นสุดที่เขตมีนบุรี รวมระยะทางเกือบ 40 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการ เเละวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งเเวดล้อม
ชาวราชเทวี ที่ถูกเวนคืนดินหลายคนตั้งคำถามกับผู้รับผิดชอบโครงการนี้ว่า จำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้พื้นที่ทำทางทางขึ้นลงสถานีฯขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการกำหนดให้มีลานจอดรถ ที่อาจเป็นการซ้ำเติมให้ปัญหาจรจรวิกฤตมากขึ้น เนื่องจากจะมีรถเข้ามาจอดตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้พวกเขาตั้งข้อสังเกตอีกว่า การที่กำหนดให้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่เขตราชเทวีอยู่ติดกัน อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากโครงการนี้ เเลกกับอาคารที่พักอาศัยไม่ต่ำกว่า 200 คูหา เห็นได้จากเเบบเเปลนของโครงการ ที่ระยะห่างระหว่างสถานีประตูน้ำตั้งเเต่จุดขึ้นลงฝั่งพันธ์ทิพย์พลาซ่า ไปจนถึงสถานีราชปรารภตรงจุดขึ้นลง ด้านโรงเเรมอินทราห่างกันเพียง 600 เมตร หรือ ระยะห่างระหว่างสถานีราชปรารภตรงจุดขึ้นลงด้านโรงเเรมอินทรา จนถึง สถานีรางน้ำที่ห่างกันเพียง 400 เมตร เท่านั้น
เเม้ชาวราชเทวีส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับการเวนคืนที่ดิน เเต่หลายคนไม่ได้ปฏิเสธโครงการนี้ เพราะเห็นข้อดี ที่จะส่งผลให้ย่านนี้มีเศรษฐกิจดีเเละเจริญขึ้น เเต่ก่อนดำเนินการ พวกเขาอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาทำความเข้าใจกับชาวชุมชน เพื่อร่วมกันกำหนดหาพื้นที่ที่เหมาะสมเเละส่งผลกระทบน้อย เพราะเห็นว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ คู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตเเละสังคมด้วย