กขช.ยังไม่สรุปตัวเลขโครงการจำนำข้าว นัดประชุมอีกครั้ง 17 มิ.ย.
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ คณะกรรมการข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. จะปรับเปลี่ยนราคาหรือรูปแบบในการรับจำนำข้าว เนื่องจากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก ปริมาณผลผลิตทางการเกษตร อัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงภาระต่องบประมาณ
นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีอีอาร์ไอ เสนอว่า รัฐบาลควรกลับมาใช้วิธีรับประกันความเสี่ยงราคา หรือหากจะใช้วิธีจำนำนำต่อไป ก็ควรลดวงเงินและจำกัดปริมาณการรับจำนำ
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่า โครงการรับจำนำข้าว สร้างภาระทางการคลังมาก หลังประเมินจากตัวเลขปิดบัญชีที่เปิดเผยล่าสุด ขาดทุนกว่า 130,000 ล้านบาท รวมภาระขาดทุนเฉลี่ยอีกปีละ 16,000 ล้านบาท รวมตลอด 4 ปี รัฐบาล อาจขาดทุนไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท เฉพาะค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าจัดเก็บ และดอกเบี้ย ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท แต่หากรัฐบาลลดราคารับจำนำข้าว จะกระทบชาวนาฝ่ายเดียว
ขณะที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ว่ายังไม่มีการพิจารณาเรื่องราคารับจำนำ แต่ได้เชิญ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ชี้แจงผลการดำเนินโครงการตลอด 3 ฤดูกาลผลิต ซึ่งขาดทุนไม่ถึง 260,000 ล้านบาท
พร้อมกล่าวถึงตัวเลขที่สับสนว่าเกิดจากวิธีการจัดทำบัญชีที่ต่างกัน โดยกระทรวงการคลังคำนวณตัวเลขการขาดทุนตามราคาข้าวในตลาดที่ต่ำสุด ณ วันปิดบัญชี ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คำนวณจากต้นทุนราคารับจำนำ ที่ประชุมกขช. จึงจะประชุมกรรมการจากทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาข้อสรุปและจัดทำบัญชีให้ตรงกัน ในวันจันทร์หน้า (17 มิ.ย.)อีกครั้ง