แคนาดาเกิดน้ำท่วมรุนแรง-เสียหายหนัก
ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันในรัฐแอลเบอร์ต้า (Alberta) ทางภาคตะวันตกของแคนาดา ส่งผลให้เกิดอุทกภัยรุนแรง หลังน้ำในแม่น้ำหลายสายไหลทะลักเข้าท่วมหลายเมือง สร้างความเสียหายอย่างหนัก ถนนและสะพานถูกน้ำพัดขาด เมืองคาลการี่ (Calgary) เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน ขณะที่ประชาชน 75,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน โรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอน และธุรกิจต้องปิดบริการ
อุทกภัยที่เกิดขึ้นทำให้หลายเมืองต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และมีคำสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่อุทกภัย กองทัพแคนาดาต้องระดมทหารกว่า 300 นาย เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ล่าสุดนายกเทศมนตรีเมืองคาลการี่ เปิดเผยว่า สามารถควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมในเมืองไว้ได้แล้ว ส่วนที่อินเดียทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัย ยังคงเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ติดค้างอยู่ในพื้่นที่อุทกภัยทางภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้แสวงบุญ ซึ่งติดอยู่ตามหุบเขาในรัฐอุตตราขัณฑ์ ขณะกำลังเดินทางไปยังศาสนสถาน 4 แห่งของชาวฮินดู
รัฐมนตรีมหาดไทยของอินเดียเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้สามารถช่วยเหลือผู้แสวงบุญออกมาได้แล้วกว่า 33,000 คน และยังมีผู้ติดอยู่ในพื้นที่อีก 50,000 คน ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในอินเดีย เพิ่มเป็น 556 คน หลังจากเมื่อวานนี้่หน่วยกู้ภัยพบศพเพิ่มอีก 40 ศพในแม่น้ำคงคาใกล้เมืองฮาริดวาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากเหตุน้ำท่วมและดินถล่ม
ด้านนายฮารัค ซิงห์ ราวัต รัฐมนตรีเกษตรของรัฐอุตตราขัณฑ์ กล่าวระหว่างเดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่อุทกภัย ในเมืองเคดาร์นาธ (Kedarnath) ว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นเป็นโศกนาฎกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหนึ่งพันปี และคาดว่าต้องใช้เวลาฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ปี
ขณะที่ สิงคโปร์ยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตหมอกควันพิษ ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาป่า เพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย โดยเมื่อวานนี้ดัชนีมลภาวะในอากาศของสิงคโปร์พุ่งทะลุระดับ 400 ก่อให้เกิดวิกฤตมลภาวะในอากาศครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 16 ปี ล่าสุดอินโดนีเซียกำลังหาทางดับไฟป่าบนเกาะสุมาตรา หลังถูกกดดันอย่างหนักจากสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยส่งเครื่องบินขึ้นไปทำฝนเทียมเพื่อบรรเทาปัญหา