สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน คาดศาลปกครองสั่งยกเลิกโครงการน้ำ

นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เผยว่าหากศาลปกครองเห็นตามคำร้องว่าโครงการบริหารจัดการน้ำ ดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมาย ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล แต่หากศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ทางสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนที่เป็นฝ่ายยื่นเรื่องดำเนินโครงการต่อไป

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาวบ้านในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน เพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนแผนการบริหารจัดการน้ำ และสั่งให้ร่วมกันจัดให้มีการทำประชามติรับฟังความคิดเห็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ว่า ทางสมาคมเชื่อมั่นว่าคำพิพากษาของศาลในช่วงบ่ายวันนี้ (27 มิ.ย.2556) จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามที่ตุลาการได้แถลงเมื่อวันก่อน เรื่องเหตุผล, ข้อมูล และกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 ที่ระบุว่า โครงการหรือกิจกรรมใดๆที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ หรือวิถีชีวิตของประชาชน ต้องมีการศึกษารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พร้อมให้องค์กรด้านสุขภาพให้ความคิดเห็นก่อนดำเนินโครงการ  แต่รัฐบาลดำเนินโครงการขัดต่อข้อกฎหมายและข้อมูล โดยหากศาลตุลาการมีคำสั่งไม่คุ้มครอง จะมีการประชุมกับเครือข่าย เพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

ทั้งนี้มองว่าหากรัฐบาลดำเนินโครงการ โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของภาคประชาชน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเฉพาะการสร้างเขื่อน ฟลัดเวย์ ดังนั้นทางที่ดีควรมีการศึกษาผลกระทบให้ครอบคลุมและเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนได้แสดงความคิดเห็น

ส่วนกรณีที่นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมชาวเกาหลีใต้ ออกมาเปิดเผยสถานะการเงินของ บริษัท เค วอเตอร์ ว่าย่ำแย่ และอาจไม่มีศักยภาพเพียงพอในการดำเนินโครงการจัดการน้ำของไทย มองว่ารัฐบาลควรตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลของสื่อเกาหลีให้ชัดเจนก่อน เพราะอาจมีความเสี่ยงในการดำเนินโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการทำเส้นทางผันน้ำ หรือแก้มลิง ที่ บริษัท เค วอเตอร์ประมูลได้ ซึ่งหากข้อมูลเป็นจริงรัฐบาลควรยกเลิกการทำโครงการกับ บริษัท เค วอเตอร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าโครงการหลังจากนี้จะสำเร็จ