ห่วงปัญหาไทย"หนี้เพิ่ม" สมาคมนักวางแผนการเงินไทย แนะวิธีลดวิกฤติหนี้ครัวเรือน

เศรษฐกิจ
3 ก.ค. 56
10:08
103
Logo Thai PBS
ห่วงปัญหาไทย"หนี้เพิ่ม" สมาคมนักวางแผนการเงินไทย แนะวิธีลดวิกฤติหนี้ครัวเรือน

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) มองสถานการณ์ปัญหาหนี้ครัวเรือนน่าเป็นห่วง แนะผู้บริโภคแต่ละเดือนจานวนเงินผ่อนชาระหนี้ไม่ควรจะสูงเกินกว่าร้อยละ 36 ของรายได้ หากสูงเกินกว่านี้อาจส่งผลต่อการผ่อนชาระหนี้ในอนาคต และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องให้เป็นบุคคลล้มละลายได้ รวมถึงหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ที่เริ่มมีสัญญาณการหยุดชำระหนี้ ยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ

 นายธีระ ภู่ตระกูล นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้มีความเป็นไปได้ยากมากขึ้น ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดคือ ทุกคนจะต้องเรียนรู้และมีการบริหารจัดการหนี้ที่ดี เพื่อลดปัญหาวิกฤติหนี้สินที่มี” แนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ควรเริ่มจากการสารวจภาระหนี้สินที่มีว่ามีจำนวนเท่าใดที่เป็นหนี้สินที่ดี คือเป็นหนี้ที่สร้างความมั่งคั่งหรือก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต เช่น หนี้กู้ยืมซื้อบ้าน หรือเพื่อการศึกษาของบุตร มีจำนวนเท่าใด และหนี้สินรวมทั้งหมดมีจานวนเท่าใด จำนวนเงินผ่อนชาระในแต่ละเดือนควรจะไม่สูงเกินกว่าร้อยละ 36 ของรายได้ เพราะหากสูงเกินกว่านี้ อาจส่งผลต่อการผ่อนชาระหนี้ในอนาคต และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องให้เป็นบุคคลล้มละลายได้ 

 
นายธีระ แนะนำว่า การทำให้ลดปัญหาหนี้สินนั้น สมาคมนักวางแผนการเงินไทยเห็น ควรพยายามลดในส่วนของหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดความมั่งคั่งเป็นลำดับแรก เพราะหนี้สินเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินที่เกิดจากการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน โดยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นหนี้ระยะสั้น มีอัตราดอกเบี้ยสูง สิ่งที่ต้องทำคือ สำรวจทรัพย์สินที่ไม่มีความจำเป็นและสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสด เพื่อลดภาระหนี้ดังกล่าว รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้โดยการหาแหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น เงินกู้สวัสดิการพนักงาน เพื่อนำไปปลดหนี้ที่มีต้นทุนดอกเบี้ยสูง และควรพยายามจ่ายหนี้ให้มากกว่าอัตราชำระขั้นต่า มิเช่นนั้นโอกาสที่จะทาให้หลุดพ้นจากวงจรหนี้เป็นไปได้ยากมาก เพราะจะจ่ายได้ในส่วนของดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เงินต้นลดลงแต่อย่างใด 
 
ขณะเดียวกัน ควรมีการบริหารรายรับรายจ่ายให้สมดุลโดยการทาบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและสามารถใช้เป็นข้อพิจารณาในการลดรายจ่ายฟุ่มเฟื่อยหรือไม่จำเป็นลงได้ ทำให้มีรายรับสุทธิเพิ่มขึ้นเพื่อนาไปชาระหนี้ ซึ่งควรจะนำไปชาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงเป็นลาดับแรก และในจานวนอื่นที่มีดอกเบี้ยต่าลดลงมาตามลาดับ และยังต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคควบคู่กันไป โดยให้ใช้จ่ายตามความจาเป็นเท่านั้น อย่าใช้จ่ายตามความต้องการ ซึ่งจะเป็นการใช้จ่ายตามกระแสการโฆษณาประชาสัมพันธ์อันเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อกระตุ้นการบริโภคสินค้า ในหลายๆ ครั้งการเป็นหนี้ อาจเกิดจากความจาเป็นที่ไม่สามารถคาดการได้ เช่น หนี้ที่เกิดจากรายการค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล ตกงาน หรือซ่อมแซมบ้าน เป็นต้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาดังกล่าว เมื่อปลอดจากภาระปัญหาหนี้สินแล้ว ควรมีการเก็บออมเงินเพื่อสภาพคล่องไว้จำนวนหนึ่ง อาทิ ฝากธนาคาร ให้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายปกติได้อย่างน้อย 6 เดือน
 
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง