ฝรั่งเศส และตูนิเซีย เรียกร้องให้อียิปต์กลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว
เครื่องบินเจ็ทของกองทัพอากาศอียิปต์ 14 ลำ บินอยู่เหนือท้องฟ้าในกรุงไคโร และพ่นควันสีแดง, สีขาว และสีดำ ซึ่งเป็นสีธงชาติอียิปต์ ก่อนที่นายอั๊ดลี มันซูร์ จะเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีรักษาการณ์ สำนักข่าว "มีนา" ของรัฐบาลอียิปต์ระบุว่า การแสดงของกองทัพอากาศในครั้งนี้ เป็นการฉลองชัยชนะของประชาชน
นายฟรองซัวส์ โอลลองค์ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสที่อยู่ระหว่างการเยือนประเทศตูนิเซีย ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในอียิปต์ว่าเห็นได้ชัดเจนว่าอียิปต์ล้มเหลว เพราะประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งถูกเพิกเฉย ความท้าทายของอียิปต์ตอนนี้คือต้องกลับไปเริ่มต้นกระบวนการใหม่อีกครั้ง และกองทัพอียิปต์จะต้องรับผิดชอบต่อกระบวนการทั้งหมดนี้ เพราะกองทัพเป็นฝ่ายที่ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ถอดประธานาธิบดี แต่งตั้งประธานาธิบดีรักษาการณ์ ดังนั้นกองทัพควรจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น
ขณะที่ นายมอนเซฟ มาร์ซูกิ ประธานาธิบดีของตูนิเซีย ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของการปฏิวัติประชาชนเมื่อปี 2554 ไม่เห็นด้วยที่กองทัพเข้าไปแทรกแซงกระบวนการทางการเมือง เพราะแทนที่จะช่วยแก้ปัญหา กลับยิ่งทำให้ความรุนแรงขยายวงกว้าง ดังนั้นกองทัพจะต้องทำให้อียิปต์กลับเข้าสู่เส้นทางประชาธิปไตยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ส่วนบรรยากาศในอียิปต์ กลุ่มผู้สนับสนุน นายโมฮัมเหม็ด มูร์ซี อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ ยังคงรวมตัวกันหน้าสุเหร่า "ราเบีย อัล อดาเวยา" ในกรุงไคโร โดยมีรถหุ้มเกราะ และทหารคอยเฝ้าดูสถานการณ์ กลุ่มผู้สนับสนุนนายมูร์ซีวางแผนจะเดินขบวนไปที่กระทรวงกลาโหม ขณะที่กลุ่มภราดรภาพมุสลิม เรียกร้องให้ประชาชนออกมารวมตัวประท้วงหลังเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาในช่วงเย็น โดยเรียกว่าเป็น "วันศุกร์แห่งความโกรธแค้น" หลายฝ่ายคาดว่าการประท้วงในช่วงค่ำวันที่ 5 กรกฎาคมนี้อาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีก เนื่องจากกลุ่มที่เคยใช้ความรุนแรงประกาศว่าจะต่อสู้กับกองทัพ ส่วนนายมูร์ซีตอนนี้ถูกกองทัพควบคุมตัว แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าเขาอยู่ที่ไหน นอกจากนี้บรรดาผู้ช่วย และที่ปรึกษาของเขาก็ถูกกักบริเวณในบ้านพักเช่นกัน ตอนนี้กองทัพกำลังตามล่าแกนนำของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมซึ่งถูกจับไปแล้วก่อนหน้านี้หลายสิบคน