กติกาใหม่ ไอบ้า สะเทือนที่นั่งมวยสากลโอลิมปิก
ในเวทีโอลิมปิกเกมส์ ประเทศไทย เริ่มส่งนักกีฬามวยสากลเข้าร่วมชิงชัยตั้งแต่ปี 1952 หรือ พ.ศ. 2495 ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ และกว่าจะประสบความสำเร็จ หยิบเหรียญรางวัลมาได้ก็ พ.ศ. 2519 จากเหรียญทองแดง ของพเยาว์ พูลธรัตน์ ยอดกำปั้นไทย ฮีโร่เหรียญโอลิมปิกเกมส์คนแรกของประเทศไทย
37 ปีผ่านไป มวยสากลสมัครเล่น ก็ยังเป็นกีฬาความหวังในเวทีโอลิมปิกของประเทศไทย โดยกำปั้นไทยคว้าเหรียญมาได้ทั้งหมด 14 เหรียญ และเป็นเหรียญทองถึง 4 เหรียญ มีนักชกผ่านสังเวียนโอลิมปิกมากมาย และในบางปีมีนักมวยไทยได้โควต้าไปแข่งขันมากถึง 8 รุ่น
แต่ปัจจุบัน กีฬามวยสากลสมัครเล่น มีความเปลี่ยนแปลงมากมาย โดย ชิง กัวะ วู ประธานสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือ ไอบ้า ชาวไต้หวันที่ได้มีการปรับ และลด โควต้ามวยต่างๆ จนทำให้มีกระแสว่า การเปลี่ยนกฎนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ เนื่องจากได้มีการจัดมวยแบบ APB หรือมวยโปรบ็อกซิ่ ที่ชก และตัดสินแบบมวยอาชีพ และมวย WSB หรือ มวยเวิลด์ ซีรี่ส์ ที่เป็นการแข่งขันประเภททีมแบบเหย้าเยือน
ซึ่งทั้ง 2 โปรแกรมใหม่ ของไอบ้า สร้างความไม่พอใจให้กับ โปรโมเตอร์ที่ทำธุรกิจมวยอาชีพทั่วโลก การปรับเปลี่ยนกฎของไอบ้าถูกมองว่าไม่ได้แค่ล้ำเส้นทางธุรกิจหมัดมวยเท่านั้น แต่ทำให้ชาติสมาชิกเกือบ 200 ประเทศเกิดความสับสน และสร้างความยุ่งยากในการปรับตัว
นอกจากนี้ ล่าสุด ในรายการชิงแชมป์เอเชีย ที่กรุงอัลมาน ประเทศจอร์แดน ที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในขณะนี้ ไอบ้า ประเดิมนำกติกาใหม่มาใช้ ด้วยการคิดคะแนนแบบมวยอาชีพ ยกละ 10 คะแนน ไม่มีการโชว์คะแนนช่วงหมดยก โดยจะโชว์คะแนนตอนประกาศผลการแข่งขันหลังครบยกเท่านั้น ซึ่งผู้ตัดสินที่ขอบเวทีทั้ง 5 คน จะเป็นผู้ให้คะแนนโดยดูจากภาพรวมแต่ละยกว่า นักชก มุมใด ชกได้มากกว่า โดยจะกดแป้นให้คะแนนที่มี ปุ่มคะแนน ระหว่าง 1 ถึง 10 ก่อนจะนำคะแนน 3 คน มาสรุปหาผู้ชนะในที่สุด
สำหรับกติกาใหม่นี้จะทำให้โอกาสที่จะไปโอลิมปิกของนักมวยสากลสมัครเล่นแต่ละชาติลดน้อยตามไปด้วย เพราะแทนที่ 250 ที่นั่งจะเป็นของนักมวยสากลสมัครเล่นทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา แต่ไอบ้ากลับแบ่งโควต้าให้มวยสากลสมัครเล่น หรือที่เรียกว่า AOB เหลือแค่ 150 คน จาก 10 รุ่นเท่านั้น ส่วนอีก 100 ที่นั่งไอบ้าได้แบ่งไปให้กับมวยเวิลด์ ซีรี่ส์ 30 คน และโปรบ็อกซิ่งอีก 70 คน
ในกรณีนี้อาจกล่าวได้ว่าจะส่งผลดีกับประเทศที่มีนักมวยรุ่นใหญ่กึ่งอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางยุโรป และอเมริกา ขณะที่วงการมวยสากลสมัครเล่นของไทยถือว่าเสียโอกาสไปเต็มๆ เนื่องจากมวยเวิลด์ ซีรี่ส์ และโปรบ็อกซิ่ง ไม่ได้รับความนิยมในไทย และมีนักกีฬาค่อนข้างน้อย