ตรวจสอบการใช้เงิน"อดีตพระเณรคำ"

16 ก.ค. 56
15:15
88
Logo Thai PBS
ตรวจสอบการใช้เงิน"อดีตพระเณรคำ"

การตรวจสอบการใช้เงินของนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ อีกหนึ่งเรื่อง คือการเปิดรับบริจาคเงิน สร้างโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งมีการระดมเงินจำนวนมาก กรณีนี้มีคำชี้แจงจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่า อดีตพระเณรคำเข้ามาช่วยเหลือในช่วงแรก ในฐานะผู้อุปถัมภ์แต่เมื่อต้องใช้เงินก่อสร้างจำนวนมากได้มีการยกเลิกไป ส่วนการสมทบทุนโครงการต่างๆ ในชื่อนายวิรพล ขณะบวช ดีเอสไออยู่ระหว่างตรวจสอบเงินในบัญชีบริจาคทั้งหมด

หากดูจากภายนอกอาคารเฉลิมพระเกียรติ84 พรรษา ของโรงพยาบาลร้อยเอ็ดดูเหมือนสร้างเสร็จไปเกินครึ่งแล้ว แต่หากตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ทำให้พบว่า โครงการนี้ล่าช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย เนื่องจากมีการเปลี่ยนแบบแปลนกลางคัน จากเดิมที่มีกำหนดสร้าง 10 ชั้น ก็เหลือเพียง 6 ชั้น เท่านั้น สาเหตุส่วนหนึ่ง เพราะผู้อุปถัมภ์เดิมคือนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ ยกเลิกการอุปถัมภ์ระหว่างที่บวชเป็นพระ

หนังสือการแจ้งยกเลิกของมูลนิธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต ในนามตัวแทนอดีตพระเณรคำ ที่ระบุว่ามูลนิธิมีเงินไม่เพียงพอในการอุปถัมภ์ ซึ่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ระบุว่าหลังมีการประกาศรับบริจาคการสร้างตึก มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเข้ามา 30 ล้านบาท แต่โครงการนี้ต้องใช้เงินในการสร้างถึง 200 ล้านบาท นั่นหมายถึงผู้อุปถัมภ์เดิมซึ่งก็คือพระเณรคำต้องสมทบร่วมสร้างถึง 170 ล้านบาท

จากโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ไทยพีบีเอสตรวจสอบสาขา ที่พักสงฆ์ขันติธรรม ในอ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ที่มีการเปิดรับบริจาคการสร้างอาคารในที่แห่งนี้เช่นกัน โครงสร้างอาคารคล้ายโบสถ์ถูกทิ้งร้าง เช่นเดียวกับที่พักสงฆ์ภายในเนื้อที่ประมาณ 27 ไร่ ซึ่งน้องชายของนายวิรพลให้เหตุผลเพราะ ไม่มีคนดูแลทั้งที่ก่อนหน้านี้ สาขาดังกล่าวได้รับความนิยม มีผู้มาร่วมปฏิบัติธรรมและบริจาคทรัพย์ ที่เป็นการบริจาคผ่านตู้บริจาครวมถึงบัญชีของนายวิรพล โดยตรงขณะบวชเป็นพระ

เช่นเดียวกับการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลอง ในที่พักสงฆ์ขันติธรรม ดูเหมือนจะเป็นโครงการล่าสุด ที่มีการประกาศให้ร่วมสมทบทุนก่อสร้าง เปิดรับบริจาผ่านบัญชีอดีตพระเณรคำ แต่โครงการนี้ ก็เป็นอีกโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ทั้งนี้มีความเห็นจากผู้ร่วมบริจาคในโครงการของที่พักสงฆ์สันติธรรมว่า ผู้ร่วมบริจาคกับโครงการที่พักสงฆ์ขันติธรรม

สำหรับที่พักสงฆ์ขันติธรรม ได้ขออนุญาติสร้างปี 2545 เพื่อเป็นวัดป่าขันติธรรมตามหลักเกณฑ์ ต้องสร้างและขออนุญาติให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่ไม่สามารถทำให้แล้วเสร็จตามกำหนด จึงเป็นเพียงที่พักสงฆ์เท่านั้น ดังนั้นการเป็นวัดจึงไม่สมบูณ์ ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล ไม่สามารถเปิดบัญชีเป็นวัดได้ จึงต้องเปิดบัญชีในนามตัวเอง ซึ่งก็คืออดีตพระเณรคำเพื่อให้คนบริจาค ดีเอสไอตั้งข้อสังเกตุว่า หากเป็นวัดการบริจาคต้องผ่านบัญชีวัดเท่านั้น โดยการตรวจสอบต้องมีไวยารัจกร (หรือสมุหบัญชี) ดูแลเรื่องการเงินแทนพระ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะไม่สามารถยักยอกเงินได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง