โฆษกศาลรัฐธรรมนูญแถลง “วสันต์” ลาออกปัดการเมืองกดดัน

การเมือง
17 ก.ค. 56
07:49
161
Logo Thai PBS
โฆษกศาลรัฐธรรมนูญแถลง “วสันต์” ลาออกปัดการเมืองกดดัน

วุฒิสภาเตรียมเดินหน้าสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คนใหม่ แทนนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ว่า นายจรูญ อินทจาร และนายนุรักษ์ มาประณีต คือผู้เหมาะสม หรือแคนดิเดทประธานศาลรัฐธรรมนูญคนต่อไป ขณะที่หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงปฏิเสธการลาออกของ นายวสันต์ เกิดจากแรงกดดันทางการเมือง

การตัดสินใจลาออกจากประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนั้น นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงชี้แจงว่า ได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และตามขั้นตอนก็ได้ส่งหนังสือลาออกของนายวสันต์ ให้ประธานวุฒิสภารับทราบ เพื่อเดินหน้ากระบวนการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่แล้ว ซึ่งระหว่างนี้จะให้ตุลาการที่มีอาวุโสสุงสุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวไปก่อน

หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวยืนยันว่า การลาออกของ นายวสันต์ ไม่ได้มีผลต่อการพิจารณาคดีสำคัญๆ ที่ค้างอยู่ พร้อมปฏิเสธเหตุผลการตัดสินใจลาออก เพราะเหตุทางการเมือง หรือแรงกดดันแต่อย่างใด แต่เป็นเจตนารมณ์ที่ได้ให้คำมั่นว่าจะดำรงตำแหน่งและทำหน้าที่ไม่เกิน 2 ปี หรือจนกว่าคดีต่างๆ จะแล้วเสร็จ

มีรายงานว่า ตุลาการที่มีความอาวุโสสูงสุดของศาลรัฐธรรมนูญ คือ นายจรูญ อินทจาร ซึ่งจะทำหน้าที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญไปก่อน โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งคณะได้นัดหมายประชุมพิจารณาเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ และเป็นที่คาดการณ์กันว่า ผู้เหมาะสมหรือแคนดิเดทที่จะได้รับเลือก น่าจะเป็นนายจรูญ หรืออาจเป็นนายนุรักษ์ มาประณีต ซึ่งบุคคลทั้ง 2 คน มีความอาวุโสและเป็นที่ยอมรับของตุลาการ ทั้ง 8 คนที่เหลืออยู่

สำหรับคดีที่ค้างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญและเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองนั้น มี 2 เรื่องที่อยู่ในความสนใจ คือ การพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กรณีสมาชิกภาพส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 วงเล็บ 5 ประกอบมาตรา 102 วงเล็บ 6 หรือไม่ โดยเป็นเรื่องที่ 134 ส.ส.พรรคเพื่อไทยยื่นไว้

ส่วนอีกเรื่องคือกรณีกลุ่ม 40 ส.ว.นำโดย นายสมชาย แสวงการ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณากรณีประธานรัฐสภา และพวกอีก 311 คน ร่วมกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ซึ่งเป็นการตัดสิทธิ์ประชาชนและไม่เคารพคำวินิจฉัยเดิมของศาลรัฐธรรมนูญ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง