เรียกร้องแก้ปัญหาความรุนแรงสตรีใน 3 จังหวัดใต้

เหตุความรุนแรงในช่วงเดือนถือศีลอด พบว่ามีกลุ่มผู้สูญเสียสตรีเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับข้อมูลของกลุ่มผู้หญิงภาคประชาสังคมที่พบว่าในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงเสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบเกือบ 400 คน บาดเจ็บกว่า 1,500 คน ซึ่งการตกเป็นเป้าหมายโดยตรง ทำให้หลายฝ่ายเรียกร้องรัฐบาลร่างนโยบายเฉพาะ เพื่อส่งเสริมบทบาทสตรีในการแก้ปัญหาความไม่สงบ

การจากไปของนางนายีหะ ยีระ และนางนุรยาฮาน อาแว ครูสตรี 2 คน จากเหตุระเบิดระหว่างการเดินทางไปสอนหนังสือที่โรงเรียนพิทักษ์วิทยากุมุง อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เป็นความสูญเสียจากเหตุความไม่สงบครั้งล่าสุด ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงในช่วงเดือนถือศีลอด หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เกิดเหตุยิงรายวันสตรีเสียชีวิต พร้อมสามีถึง 3 ครั้ง ทำให้หลายคนเริ่มไม่มั่นใจมากนัก

จากข้อมูลพบว่า ตั้งแต่ปี 2547 ถึง เดือนมิถุนายนปีนี้ มีผู้หญิงเสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบถึง 390 คน และบาดเจ็บ 1,532 คน ซึ่งแนวโน้มการตกเป็นเป้าหมายโดยตรงของผู้หญิง ทำให้หัวหน้าโครงการผู้หญิงภาคประชาสังคม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มองว่าสะท้อนให้เห็นว่าเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้นในเชิงคุณภาพ แม้จะมีสถิติการก่อเหตุน้อยลง ส่งผลให้คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาสถานภาพสตรี มีการตั้งอนุกรรมการด้านสตรี กับการส่งเสริมสันติภาพ และความมั่นคงปลอดภัย เพื่อศึกษาผลจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงและการสร้างความเข้มแข็งให้สตรีต่อเหตุการณ์ รวมถึงการปกป้องช่วยเหลือสตรีเพื่อร่างเป็นนโยบายเฉพาะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาต่อไป

แม้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 1325 ว่าด้วยสตรี สันติภาพ และความมั่นคง ซึ่งไทยเป็นสมาชิกอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรีเพื่อปกป้องสิทธิยังมีน้อย ทำให้สตรีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังอยู่ในฐานะเหยื่อของความรุนแรง ขณะเดียวกัน การส่งเสริมบทบาทของสตรีต่อการแก้ปัญหาความรุนแรง เช่นการมีส่วนร่วมในการพูดคุยสันติภาพก็แทบจะไม่เกิดขึ้น