อันตรายจากสารพิษในคราบน้ำมัน
จากการสำรวจการทำความสะอาดอ่าวพร้าวในเกาะเสม็ด จ.ระยอง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (30 ก.ค.2556) ทำให้ทีมข่าวไทยพีบีเอสพบว่า มีสิ่งมีชีวิตหลายชนิดบนชายหาดที่ปนเปื้อนคราบน้ำมันหลงเหลืออยู่ แม้จะมีการทำความสะอาดมาอย่างต่อเนื่อง ทีมข่าวได้เก็บตัวอย่างคราบน้ำมันที่ค้างอยู่ในอ่างหินริมหาดทรายที่น้ำทะเลพัดพาเข้ามา ซึ่งพบว่ามีลักษณะเป็นน้ำมันเหนียวข้น เมื่อสำรวจต่อไปก็ยังพบสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่อยู่ในลักษณะอ่อนแรง เช่น ปูลมตัวนี้ ไม่สามารถวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเช่นเคย เมื่อถูกสัมผัส และซากปลาตายยังพบได้ที่ชายหาด ขณะที่เศษปะการังที่ถูกพัดพามา คงปนเปื้อนคราบน้ำมัน เช่นเดียวกับทรายที่ถูกน้ำมันซึมลงไปลึกประมาณ 3 เซนติเมตร ตัวอย่างสิ่งที่พบบนชายหาดเหล่านี้ ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้นำไปมอบให้กับรองคณบดี คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อตรวจสอบว่า มีสารพิษชนิดใดปนเปื้อนอยู่บ้าง แต่เบื้องต้นนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมเตือนว่า ผลกระทบต่อระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตทั้งในชายหาด และในทะเลอ่าวพร้าว อาจจะเกิดขึ้นต่อไป แม้จะสามารถทำความสะอาดเก็บกู้คราบน้ำมันออกจากทะเลและชายหาดได้แล้ว
นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม กังวลถึงผลกระทบจากสารพิษที่เกิดจากน้ำมันดิบซึ่งปนเปื้อนชายหาดและน้ำทะเล ซึ่งอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยทำความสะอาดชายหาดต้องสัมผัสโดยตรง เพราะสารพิษสามารถซึมผ่านผิวหนัง และการสูดดมเป็นเวลานานได้
นักวิชาการจึงเตือนว่า ทุกคนที่จะต้องเข้าไปสัมผัสคราบน้ำมันบนอ่าวพร้าว ควรสวมชุดป้องกัน รองเท้า และถุงมือที่ปิดมิดชิดไม่ให้ผิวหนังสัมผัสสารพิษ ขณะที่หน้ากากที่ใส่ป้องกันสารระเหยจากคราบน้ำมันควรเป็นหน้ากากป้องกันสารระเหยจากเคมีโดยตรง ไม่ใช่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองธรรมดา รวมทั้งควรมีมาตรการกำหนดระยะเวลาที่แต่ละคนจะสามารถอยู่ในพื้นที่ปนเปื้อนคราบน้ำมันได้ เพราะถ้าอยู่ในพื้นที่นานเกินไป ก็อาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้