ผู้รอดชีวิตเหตุเพลิงไหม้ จ.ปัตตานี เรียกร้องยุติก่อเหตุรุนแรงชายแดนใต้

3 ส.ค. 56
15:54
57
Logo Thai PBS
ผู้รอดชีวิตเหตุเพลิงไหม้ จ.ปัตตานี เรียกร้องยุติก่อเหตุรุนแรงชายแดนใต้

ผลจากการตรวจสอบภาพวงจรปิด เพื่อติดตามผู้ก่อเหตุลอบวางเพลิงกว่า 15 จุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่ามีแนวร่วมรุ่นใหม่ออกปฏิบัติการไม่ต่ำกว่า 50 คน โดยได้รับคำสั่งให้ก่อเหตุรุนแรงกับเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เรียกร้องให้ผู้ก่อความไม่สงบยุติการทำร้าย และสร้างความแตกแยกในพื้นที่

ฝันร้ายจากไฟไหม้บ้านห้องแถวกว่า 10 คูหา ใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ยังอยู่ในความทรงจำของเจ้าของบ้านคนนี้ แม้ว่าทรัพย์สินในบ้านจะเสียหายเกือบทั้งหมด แต่ชีวิตของเธอ สามี และลูก ที่หนีรอดออกมาได้ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว แต่เพื่อนบ้านอีกหลายคนโดยเฉพาะบ้านที่เปิดขายเสื้อผ้า และรองเท้า ซึ่งอยู่ติดกันยังรู้ห่วงใยอย่างมาก เพราะเจ้าของบ้านที่พยายามหนีออกจากบ้านที่ถูกไฟไหม้จนผลัดตกลงมาจากชั้น 2 อาการยังน่าเป็นห่วง ซึ่งเหตุรุนแรงที่ดูเหมือนว่าผู้ก่อเหตุจงใจ ทำให้เกิดความสูญเสียเฉพาะคนต่างความเชื่อ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งทำความเข้าใจชาวบ้าน และผู้นำศาสนาทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อชี้ให้เห็นความพยายามของคนกลุ่มนี้ที่ต้องการทำลายสามัคคีที่เป็นพลังสำคัญในการแก้ปัญหาความไม่สงบ

การเร่งติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษ เป็นส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ เชื่อว่าจะสามารถสร้างความเข้าใจในเหตุการณ์ได้มากขึ้น ซึ่งจากสอบสวนเบื้องต้น พบว่าหลายพื้นที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพ ขณะที่ผู้ก่อเหตุเข้ามาลอบวางเพลิงได้ โดยแบ่งรูปแบบการปฏิบัติการเป็น 2 รูปแบบ คือ กลุ่มแรก ใช้กำลังเยาวชน 2 หรือ 3 คน นำมาระเบิดเพลิงที่ประกอบแล้วเสร็จมาวางไว้ในร้านค้า ก่อนจะตั้งเวลาจุดชนวนในเวลาประมาณ 3.00 น. กลุ่มที่ 2 ใช้ผู้ปฏิบัติการไม่ต่ำกว่า 6 - 10 คน บุกจี้บังคับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนจะจุดไฟเผา ซึ่งกำลังที่ออกปฏิบัติการอาจมีไม่ต่ำกว่า 50 คน

อย่างไรก็ตาม เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสถานประกอบการ โดยเฉพาะในช่วงที่ร้านค้าหลายแห่งเริ่มทยอยสั่งสินค้ามาสต๊อกเพื่อจำหน่ายก่อนวันฮารีรายอ หรือวันสิ้นสุดเดือนถือศีลอด ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ต้องสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทุกหน่วย ให้แจ้งเตือนประชาชน และผู้ประกอบการกลุ่มเสี่ยง สอดส่องบุคคลต้องสงสัยที่เข้ามาภายในร้าน ขณะเดียวกัน ต้องปรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้รับมือสภาวะที่เกิดเหตุฉุกเฉินพร้อมกันหลายจุด เพื่อให้การสั่งการ และการเข้าช่วยเหลือทันท่วงที


ข่าวที่เกี่ยวข้อง