หลายหน่วยงานเปิดเผยผลการตรวจสอบผลกระทบน้ำมันดิบรั่ว จ.ระยอง

Logo Thai PBS
หลายหน่วยงานเปิดเผยผลการตรวจสอบผลกระทบน้ำมันดิบรั่ว จ.ระยอง

ถึงแม้ว่าสถานการณ์คราบน้ำมันที่อ่าวพร้าวดีขึ้นแล้ว แต่ยังคงต้องติดตามการตรวจสอบผลกระทบจากกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลที่ จ.ระยอง ซึ่งตอนนี้หลายหน่วยงานเริ่มเปิดเผยผลการตรวจสอบเบื้องต้นมาบ้างแล้ว ขณะที่นักวิชาการพบว่าปะการังที่อ่าวพร้าวมีปัญหาถึงร้อยละ 70 แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่ามีสาเหตุมาจากคราบน้ำมันปนเปื้อน

นายนพพล ศรีสุข อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเปิดเผยผลการสำรวจผลกระทบจากกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล โดยนักวิชาการของกรมฯพบว่าภาพรวมของทรัพยากรทางทะเลจ.ระยอง ทั้งแนวปะการัง หญ้าทะเล ป่าชายเลน และสัตว์ทะเลหายาก ไม่ได้รับผลกระทบ มีเพียงกลุ่มปะการังบริเวณทางทิศใต้ของอ่าวพร้าวเท่านั้นที่พบความผิดปกติถึงร้อยละ 70 มีเมือกปกคลุม และมีอาการฟอกขาว ซึ่งน่าจะเกิดจากความเครียด แต่ยังระบุชัดเจนไม่ได้ว่าเป็นเหตุมาจากคราบน้ำมันปนเปื้อน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้วางทุ่นปิดกั้นพื้นที่ที่พบปะการังมีปัญหา ประมาณ 50 ตารางเมตร และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว นักดำน้ำ ผู้ประกอบการเรือ และประมงไม่เข้าไปในพื้นที่นี้ เพื่อทำการศึกษาในระยะยาว และให้ปะการังได้ฟื้นตัว ส่วนการฟ้องร้อง อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยืนยันว่าจะไม่มีการละเว้น แต่ขอเวลาทำการสำรวจ เพื่อให้ครอบคลุมความเสียหายในระยะยาวด้วย

ด้านกรมประมง และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยผลวิเคราะห์สารปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนในเนื้อเยื่อของตัวอย่างสัตว์น้ำที่จับจากพื้นที่ที่คาดว่าได้รับผลกระทบ พบว่าสารประกอบสำคัญในน้ำมันยังไม่ปนเปื้อนในสัตว์น้ำ อยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกับสัตว์น้ำที่จับจาก อ.ศรีราชา และเกาะสีชัง จ.ชลบุรี

ด้านกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เชิญเจ้าหน้าที่จาก 15 หน่วยงาน ผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ และฟื้นฟูกรณีการรั่วไหลของน้ำมันดิบจากท่อส่งของเรือบรรทุกน้ำมันที่จะส่งน้ำมันดิบเข้าสู่ระบบท่อหลักของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เหตุเกิดเมื่อ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา เข้าประชุมร่วมกันเพื่อหารือ และวางขอบเขตการทำงาน

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในฐานะประธานการประชุม กล่าวว่า บริษัท พีทีทีฯ ได้ทำหนังสือแจ้งขอขยายเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงยังไม่ได้ส่งรายงานการตรวจสอบเข้ามา

ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ตั้งชุดพนักงานสืบสวนตรวจสอบความเสียหายว่าเกิดจากสาเหตุใด และเกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง รวมถึงให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความเสียหายที่อยู่ในความรับผิดชอบ และทำรายงานชี้แจง เพื่อนำมาบูรณาการร่วมกัน และหากหน่วยงานใดที่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาพร้อมด้วย

นายธาริต กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคดีพิเศษ เพื่อรับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งดีเอสไอมีอำนาจหน้าที่ และมีแนวโน้มว่าจะสามารถรับได้ทันที


ข่าวที่เกี่ยวข้อง