ฮ่องกงประกาศปิดทำการสถานที่ต่างๆ เตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่นอูตอร์

พายุไต้ฝุ่นอูตอร์กำลังเคลื่อนตัวมาทางฮ่องกง ทำให้เกิดลมกระโชกแรง และฝนตก ทางการฮ่องกงจึงประกาศเตือนภัย พร้อมปิดทำการสถานที่ต่างๆ และยกเลิกการให้บริการขนส่งมวลชน คาดว่าพายุจะขึ้นฝั่งที่ภาคใต้ของจีนในช่วงบ่ายถึงค่ำ ทางการจีนจึงประกาศเตือนภัยพายุระดับสูงสุดแล้ว

ทางการฮ่องกง ประกาศให้โรงเรียนปิดทำการเรียนการสอน และปิดสำนักงาน พร้อมทั้งหยุดให้บริการขนส่งมวลชนทั้งหมด รวมทั้งยกเลิกเที่ยวบิน 94 เที่ยว และเลื่อนเที่ยวบินอีก 107 เที่ยว อีกทั้งเลื่อนเปิดทำการตลาดหุ้น เพื่อรับมือกับพายุไต้ฝุ่นอูตอร์ที่กำลังจะพัดมาทางฮ่องกง ขณะที่สำนักสังเกตการณ์สภาพอากาศฮ่องกง ประกาศเตือนภัยระดับ 3 และมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และต้องอพยพประชาชน 41 คนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่ประชาชนบางส่วนไม่กลัวพายุ และออกไปถ่ายภาพเก็บบรรยากาศที่อ่าววิคตอเรียกันอย่างสนุกสนาน

ทั้งนี้เมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าไทยประมาณ 1 ชั่วโมง ศูนย์กลางพายุห่างจากฮ่องกงประมาณ 250 กิโลเมตร และเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุไม่ได้พัดถล่มฮ่องกงโดยตรง แต่จะมุ่งหน้าไปยังมลฑลกวางตุ้ง ใกล้กับมาเก๊าและเกาะไหหนาน

ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยามลฑลไหหนาน และกวางตุ้ง คาดว่าพายุไต้ฝุ่นอูตอร์จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในช่วงบ่ายถึงค่ำ ทางการจีนจึงมีคำสั่งเรียกเรือประมงกลับเข้าฝั่ง และมีคำสั่งปิดชายหาดในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ และยกเลิกการท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อเตรียมพร้อมรับมือพายุไต้ฝุ่นอูตอร์ พร้อมทั้งออกประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่นในระดับสูงสุด และยกระดับการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

พายุอูตอร์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 11 ที่พัดถล่มจีนในปีนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนคาดการณ์ว่า อิทธิพลของพายุจะทำให้เกิดคลื่นสูงถึง 10 เมตร ทางตอนเหนือของทะเลจีนใต้ และจะก่อให้เกิดคลื่นสูง 5.5 เมตรในบริเวณชายฝั่งตะวันตกของมณฑลกวางตุ้ง

ส่วนที่ฟิลิปปินส์ เริ่มมีการเก็บกวาดซากความเสียหายในพื้่นที่ทางภาคเหนือที่ถูกไต้ฝุ่นอูตอร์พัดเข้าถล่มในก่อนหน้านี้ โดยเมืองคาซิกูรัน (Casiguran) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 343 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด รัฐบาลฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนและสูญหายไปอีก 11 คน

พายุไต้ฝุ่นอูตอร์พัดถล่มภาคเหนือของฟิลิปปินส์เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กลายเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดในปีนี้