กระทรวงพลังงานเตรียมเผยผลสอบน้ำมันรั่ว หลังจากที่เลื่อนมาจากสัปดาห์ก่อน
กระทรวงพลังงานเตรียมเปิดเผยผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวง ซึ่งคุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเป็นประธาน ว่าความผิดพลาดเกิดจากเจ้าหน้าที่หรืออุปกรณ์
ทั้งนี้การเผยผลสอบเลื่อนมาจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากยังขาดรายละเอียดบางประเด็น ทั้งนี้นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รมว.พลังงานย้ำว่า คณะกรรมการทำงานด้วยความอิสระ ปราศจากการแทรกแซง
ส่วนความคืบหน้าการฟื้นฟูทะเลและชายหาด ในจังหวัดระยอง กรมควบคุมมลพิษจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บตัวอย่างน้ำทั้ง 12 หาด เป็นเวลา 3 สัปดาห์ จากนั้นจะเก็บตัวอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน จนถึงประมาณปีหน้า
หลังจากที่เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม กรมควบคุมมลพิษ รายงานว่าทะเลบริเวณอ่าวพร้าว มีปริมาณสารปรอทในน้ำอยู่ที่ 2.9 และอ่าวทับทิมมีปริมาณสารปรอท 0.25 ไมโครกรัมต่อลิตร เกินค่ามาตรฐานที่ 0.1 ไมโครกรัมต่อลิตร โดยเตือนให้นักท่องเที่ยวเลี่ยงการเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าว
ขณะที่วันที่ 14 สิงหาคม เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทย นำโดยนายอิฐบูรณ์ อ้นวงศ์ษา ยื่นข้อเรียกร้องต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมประกาศแถลงการณ์ให้รัฐบาลหยุดขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และยกเลิกมติ ครม.ให้กลุ่มปิโตรเคมีใช้แอลพีจีจากโรงแยกก๊าซ โดยให้ภาคครัวเรือน และยานยนต์เป็นผู้ใช้ลำดับแรก ส่วนที่เหลือจึงให้อุตสาหกรรม และปิโตรเคมี
รวมทั้งให้ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบต้นทุนราคาแอลพีจี โดยมีตัวแทนจากภาคประชาชนเข้าร่วมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง พร้อมทั้งให้จัดตั้งคณะกรรมการปฎิรูปพลังงานแห่งชาติขึ้นโดยเร็วขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และมีภาคประชาชน และนักวิชาการอิสระมากกว่าครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการ ทั้งหมดเพื่อเสนอนโยบาย และแผนบริหารกิจการพลังงานของประเทศ ข้อเรียกร้องนี้จะมีการติดตามผลภายใน 7 วัน โดยวันที่ 23 สิงหาคม จะมีการนัดชุมนุมที่บริเวณหน้าบริษัท ปตท. ถนนวิภาวดีรังสิต
ขณะเดียวกันให้ละเว้นการเลือกปฎิบัติเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจปิโตรเคมีถูกจัดเก็บในอัตรา 1 บาทต่อกิโลกรัม แต่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ จัดเก็บกิโลกรัมละ 12 บาท ขณะ เดียวกันให้ยกเลิกนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปชดเชยราคาแอลพีจีให้กับโรงกลั่นน้ำมันเพื่อจูงใจให้โรงกลั่นนำแอลพีจีออกมาขายมากขึ้น