ครอบครัววอนรัฐเร่งช่วยเหลือคนไทยในอียิปต์

นายอายู จะปะกียา ชาวอ.เบตง จ.ยะลา เฝ้าติดตามข่าวความเคลื่อนไหว สถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศอียิปต์จากสื่อต่างๆ อย่างใกล้ชิด หลังทราบข่าวจากนายซาการียา จะปะกียา น้องชาย ซึ่งกำลังศึกษาอยู่คณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัล กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ที่แจ้งข่าวมาทางโซเชียล เน็ตเวิร์ค ว่ากำลังเก็บสัมภาระ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย แต่ยังไม่ทราบเที่ยวบินที่จะเดินทางกลับ ทำให้แม่ที่มีอายุ กว่า 80 ปี เป็นห่วงมากจึงขอให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือคนไทย ให้เดินทางกลับสู่บ้านเกิดโดยสวัสดิภาพ

 

ขณะที่นายนาวาวี ดือราแม ชาวตำบลบาโงย อ.รามัน จ.ยะลา อดีตนักศึกษาไทยที่เคยเดินทางไปเรียนในประเทศอียิปต์ เผยว่า สถานการณ์ทางการเมืองของอียิปต์ครั้งนี้รุนแรงมาก จึงอยากให้รัฐบาลช่วยนำเพื่อนๆ ที่ตกค้างอยู่ในประเทศอียิปต์ เดินทางกลับมาโดยเร็ว

 

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่าขณะนี้มีคนไทยในอียิปต์ลงทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร เพื่อแจ้งความประสงค์จะกลับประเทศทั้งหมด 704 คน แต่เดินทางกลับมาเพียง 602 คน และมีคนไทยในอียิปต์ ที่ลงทะเบียนว่าประสงค์จะอยู่ในอียิปต์ต่อไป อีกกว่า 300 คน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา หากจะต้องมีการอพยพคนไทยกลับรอบต่อไป

 

ส่วนบ้านพักคนเดินทาง ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดไว้เป็นที่พักชั่วคราวของคนไทยและนักเรียน ที่เดินทางกลับจากประเทศอียิปต์ จำนวนกว่า 50 คน ซึ่งมีนักศึกษา 45 คน ทยอยเดินทางกลับบ้าน ที่จ.สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาสแล้ว เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือจะเดินทางกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ (21 ส.ค.2556)

 

ขณะที่สถานการณ์ในอียิปต์ มีแนวโน้มที่จะตึงเครียดขึ้น เมื่อทางการยังเดินหน้าปราบปราม และพยายามหยุดยั้งการประท้วงที่เกิดขึ้น ล่าสุดทางการได้จับกุมตัวนายโมฮัมเหม็ด บาร์ดี ผู้นำสูงสุดของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม วัย 70 ปี ในข้อหายุยงให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศ แต่โฆษกกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ประกาศว่าจะไม่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของทางกลุ่ม เพราะยังมีผู้สนับสนุนอีกนับล้านคนทั่วประเทศ และมีการแต่งตั้งรักษาการณ์แทน ผู้นำกลุ่มภราดรภาพมุสลิมแล้ว

 

สถานการณ์ในอียิปต์ที่รุนแรงขึ้นสร้างความกังวลใจให้หลายประเทศ และทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์สั่งอพยพประชาชน ประมาณ 6,000 คนออกจากอียิปต์  ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศมากกว่า 900 คน