กรมการค้าภายในส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบราคาสินค้าที่คาดว่าจะปรับเพิ่มตามต้นทุน
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าค้าภายในทั้งในส่วนกลาง และส่วนถูมิภาค ออกตรวจสอบร้านค้า โดยเฉพาะร้านข้าวแกง และร้านอาหารปรุงสำเร็จ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นวันที่แก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) จะทยอยปรับขึ้นราคาตามนโยบายรัฐบาล
เบื้องต้นกรมการค้าภายในระบุว่า จากการคำนวณราคาแก๊สหุงต้มที่ปรับขึ้น ไม่ได้กระทบต่อต้นทุนของสินค้าอาหารปรุงสำเร็จมากนัก รวมทั้งสินค้าเครื่องปรุงอาหารที่เคยยื่นขอปรับราคา เช่น น้ำปลา และซีอิ้วขาว ก็ไม่ได้มีการปรับขึ้นราคา จึงไม่มีเหตุผลในการขยับราคาอาหารขึ้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หากการตรวจสอบ พบว่ามีการค้ากำไรเกินควร จะดำเนินการเข้าตรวจสอบต้นทุนที่แท้จริง และหากพบมีเจตนาค้ากำไรเกินควร จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนมายังสายด่วน 1569
นอกจากแนวโน้มการปรับราคาสินค้า ในวันที่ 1 กันยายน นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยังได้ออกมายืนยันแล้วว่า จะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางของ กทพ.อีก 5-10 บาท
โดยขณะนี้ กทพ.ได้เตรียมความพร้อมของระบบเก็บค่าผ่านทางต่างๆ เพื่อรองรับการปรับราคาครั้งใหม่ ทั้งระบบเก็บเงินที่ด่าน เจ้าหน้าที่ และการจัดการจราจรบริเวณหน้าด่าน ซึ่งหลังเที่ยงคืนของวันที่ 31 ส.ค.เข้าสู่วันที่ 1 ก.ย. ระบบจะเปลี่ยนแปลงค่าผ่านทางเป็นอัตราใหม่ทันที
ผู้ว่าการ กทพ.ประเมินด้วยว่า ปริมาณการใช้ทางพิเศษ หลังมีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง น่าจะมีผู้ใช้ทางจะลดลงประมาณร้อยละ 10 เป็นระยะเวลาสั้นๆ 1-2 เดือน หลังจากนั้นจะกลับเป็นปกติ อ้างอิงจากผลการปรับราคาทุกๆ 5 ปีที่เคยทำการสำรวจไว้
ส่วนการปรับขึ้นราคาครั้งนี้ ถือเป็นเงื่อนไขที่ กทพ. ตกลงไว้กับเอกชนผู้ลงทุนว่า จะมีการปรับขึ้นราคาค่าผ่านทาง ทุกๆ 5 ปี รวมทั้งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยให้ กทพ.นำรายได้มาลงทุนขยายเส้นทางพิเศษในอนาคต เนื่องจากการขยายเส้นทางนั้น กทพ.อาจได้รับงบประมาณสนับสนุนส่วนหนึ่งจากภาครัฐ แต่ก็ต้องหารายได้จากส่วนอื่นมาขยายการลงทุนด้วย