เครือข่ายค้านขึ้น
หลังจากที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา และน.ส.สารี อ๋องสมหวัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานต่อศาลปกครอง เพื่อให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2556 ที่เห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือน โดยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 เป็นต้นไป เนื่องจากเห็นว่า ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 61 เพราะรัฐไม่เคยเปิดรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงาน เพื่อความคุ้มครองผู้บริโภค และมีการปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง ที่ผู้บริโภคควรได้รับ
เบื้องต้นมีรายงานแล้วว่า พนักงานคดีศาลปกครองได้แจ้งไปยังทนายความของผู้ฟ้องคดี ว่าศาลจะนัดไต่สวนคดีดังกล่าวในวันที่ 10 กันยายนนี้ เวลา 9.30 น.
ส่วนความเคลื่อนไหวการชุมนุมที่บริเวณหน้าบริษัท ปตท. สำนักงานใหญ่ มีกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายสนับสนุน และคัดค้านการขึ้นราคาร่วมชุมนุม โดยฝ่ายคัดค้าน เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงาน เตรียมตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อ บริเวณหน้าสำนักงานบริษัท ปตท. ตั้งแต่วันที่ 1 - 8 กันยายน เพื่อนำไปยื่นผ่านวุฒิสภา, ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดินให้ดำเนินการปลดนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, ปลัดกระทรวงพลังงาน, อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน, อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ, และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ที่ไม่ใส่ใจข้อเรียกร้องของภาคประชาชน ที่ยื่นให้พิจารณาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 9 กันยายนนี้
แตกต่างจากฝ่ายกลุ่มสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลในการปรับขึ้นราคาแอลพีจี ที่เดินทางมาชุมนุมหน้าบริษัท ปตท. ซึ่งนำโดยกลุ่มรวมพลคนรักษ์พลังงาน ซึ่งประกอบด้วยกลุ่ม คนเสื้อแดงจากจังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี โดยเรียกร้องให้รัฐบาลขายแก๊สตามความเป็นจริง, ไม่ให้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยื่นไปอุดหนุนแอลพีจี และผลักดันนโยบายปกป้องการลักลอบขายก๊าซเถื่อนอย่างจริงจัง โดยยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังาน แต่ไม่ได้เผชิญหน้ากับกลุ่มที่คัดค้าน
ด้านนายนที ทับมณี รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยถึงการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มวันที่ 1 กันยายน ที่จะปรับจากกิโลกรัมละ 18 บาท 13 สตางค์ เป็น 18 บาท 63 สตางค์ ว่าส่วนของหาบเร่แผงลอยที่ลงทะเบียนกว่า 1,800,000 ราย ทาง ทีมงานได้โทรศัพท์ไปแจ้งรหัสประจำตัว เพื่อความสะดวกจากเดิมที่ต้องรับบัตรในหน่วยงานท้องถิ่น ขณะที่กลุ่มที่จะรับความช่วยเหลือลงทะเบียนใช้สิทธิ์ในระบบเอสเอ็มเอสแล้ว ร้อยละ 70 ซึ่งกระทรวงจะเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ต่อไปแม้จะปรับขึ้นราคาในวันอาทิตย์นี้