รมว.ศึกษาธิการสั่งปรับปรุงการศึกษาไทย หลังรั้งอันดับท้ายการศึกษาในอาเซียน

สังคม
4 ก.ย. 56
04:42
254
Logo Thai PBS
รมว.ศึกษาธิการสั่งปรับปรุงการศึกษาไทย หลังรั้งอันดับท้ายการศึกษาในอาเซียน

ข้อมูลจากการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกในการจัดอันดับการศึกษา ประเทศไทยอยู่ในอันดับท้ายสุด ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดทำการสำรวจจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่ถูกระบุว่า จัดการศึกษาได้ดีที่สุด ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งให้เร่งวิเคราะห์ที่มาการจัดอันดับ พร้อมสั่งให้ศึกษาการปรับปรุงการศึกษาไทยทั้งระบบ

การจัดอันดับคุณภาพการศึกษา 8 ประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำการสำรวจโดยที่ประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก ( World Economic Forum) ระหว่างปี 2555-2556 พบว่า ประเทศไทย ถูกจัดอันดับสุดท้ายหรือคะแนนต่ำที่สุดจาก 8 ประเทศที่ทำการสำรวจ

สำหรับประเทศที่มีคุณภาพการศึกษาดีที่สุดในอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ รองลงมา คือ มาเลเซีย, บรูไนดารุสซาลาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม และไทย ตามลำดับ

ศาสตราจารย์ภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ผู้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวระบุว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสนใจผลการจัดอันดับครั้งนี้มาก และสั่งการให้วิเคราะห์ที่มาของผลการจัดอันดับ ซึ่งจะต้องไปศึกษาว่า ผลการจัดอันดับ มีความเที่ยงตรงมากน้อยเพียงใด เบื้องต้น คาดว่า จะเป็นการประเมินภาพรวมการจัดการศึกษาของแต่ละประเทศ โดยนำคะแนนการสอบประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (PISA ) มาเป็นองค์ประกอบด้วย

และหากเป็นดังที่คาดการณ์ยังต้องวิเคราะห์คะแนนสอบ PISA รอบใหม่ที่กำลังจะประกาศผลเร็ว ๆ นี้ โดยมีรายงานว่า ผลการสอบของเวียดนามที่เพิ่งเข้าสอบครั้งแรก เด็กนักเรียนได้คะแนนคณิตศาสตร์สูงพอ ๆ กับจีน และหากยึดคะแนนนี้ เวียดนามอาจไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 7 แต่น่าจะติด 1 ใน 5

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการระบุด้วยว่า การศึกษาไทยต้องมีการปรับใหญ่ทั้งระบบ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่การปรับหลักสูตรเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญต้องไปดูการจัดการศึกษาในภาพรวมว่า ได้มาตรฐานโลกหรือไม่ และประเด็นสำคัญที่จะต้องไปเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือ ปฏิรูปวิธีการเรียนการสอน และปฏิรูปครู ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการศึกษา

สำหรับการจัดอันดับครั้งนี้ดำเนินการโดยที่ประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก ( World Economic Forum) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี องค์กรนี้เป็นองค์กรอิสระที่ไม่หวังผลกำไร และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ

 ที่ผ่านมาผลจากจากการประชุมดังกล่าว จะมีส่วนสำคัญในการเสนอแนะทิศทาง การกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาระหว่างประเทศ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง