สหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ขู่จะใช้กำลังทหารกับซีเรียหาก ไม่ยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์
นายจอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ระหว่างการเดินสายไปประเทศต่างๆ เพื่อเจรจาความร่วมมือในการปลดอาวุธซีเรีย ได้ให้สัมภาษณ์ร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนธันยาฮูของอิสราเอล เตือนซีเรียว่าคำขู่ที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอาจจะใช้ปฏิบัติการทางทหารกับซีเรียเป็นเรื่องจริง หากซีเรียไม่ยอมปลดอาวุธเคมีตามแนวทางที่นานาชาติวางกรอบไว้ ขณะที่ผู้นำอิสราเอลมองว่าวิถีทางการทูตเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาของซีเรียได้ จะต้องอาศัยการข่มขู่ด้วยกำลังทหารที่น่าเชื่อถือได้ประกอบไปด้วย ในวันที่ 16 กันยายน นายเคอร์รี่จะเดินทางต่อไปยังกรุงปารีสข องฝรั่งเศส เพื่อหารือเรื่องแนวทางปลดอาวุธเคมีซีเรีย กับประเทศพันธมิตรซึ่งประกอบไปด้วยฝรั่งเศส, อังกฤษ, ตุรกี และซาอุดิอาระเบีย
ด้านนายฟรองซัวส์ โอลอง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่าการใช้ปฏิบัติการทางทหารกับซีเรียยังคงเป็นทางเลือกของฝรั่งเศส ทั้งนี้เพื่อเป็นแรงกดดันซีเรียอีกทางหนึ่ง
นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เชื่อว่าการกดดันของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลซีเรียยอมเข้าร่วมการปลดอาวุธเคมี สำหรับแนวทางการปลดอาวุธเคมีที่สหรัฐฯ และรัสเซียวางร่วมกัน
เริ่มต้นด้วยการที่ซีเรียจะต้องส่งมอบบัญชีคลังอาวุธเคมีภายใน 1 สัปดาห์, คณะผู้ตรวจสอบนานาชาติจะต้องลงพื้นที่ในซีเรียภายในเดือนพฤศจิกายนนี้, อุปกรณ์การผลิตอาวุธเคมีทั้งหมดจะต้องถูกทำลายภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และอาวุธเคมีทั้งหมดจะต้องถูกทำลายภายในกลางปีหน้า 2557 ซึ่งทั้งนี้รัสเซียรับปากว่าจะดูแลให้ซีเรียปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว
และในวันที่ 16 กันยายนนี้ เวลา 22.15 น.นายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะชี้แจงถึงผลการตรวจสอบของคณะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีต่อคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น เป็นผลการตรวจสอบพื้นที่ที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งสหรัฐฯระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่ามีการใช้อาวุธเคมีจริง แต่จะไม่ระบุว่าฝ่ายใดเป็นผู้ก่อเหตุ