หลังยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ต่อกรณีรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยเรื่องที่มาของวุฒิสภา นายสมชาย แสวงการ และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า นอกจากคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแก้รัฐธรรมนูญ ที่เข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญแล้ว ในคำร้องยังขอให้วินิจฉัยการปฏิบัติหน้าที่ของประธานและรองประธานรัฐสภา และขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองของผู้ถูกร้อง ตลอดจนการเพิกถอนสิทธิหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคที่รู้เห็นเป็นใจด้วย พร้อมกันนั้นยังขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อยับยั้งการลงมติวาระที่ 3 ที่อาจกลายเป็นการทำลายระบบการตรวจสอบถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตย
เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรค เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเช่นกัน เพราะเชื่อว่ากระทำการเข้าข่ายตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญ กำลังสวนทางกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่สนับสนุนให้วุฒิสภาเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบถ่วงดุลและสร้างความเข้มแข็งให้ระบบรัฐสภา แต่กลับทำลายระบบและเปิดช่องให้มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ
ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในวันที่ 19 - 20 ก.ย.นี้ นอกจาก ครม.จะมีมติยกเลิกการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.ลพบุรี ในสุดสัปดาห์นี้แล้ว
พรรคเพื่อไทย ยังเรียกประชุม ส.ส. เพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว โดยนายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค แถลงว่า ได้กำชับให้ ส.ส. ของพรรคให้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง และให้งดรับภารกิจตลอดทั้งสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. และ ส.ส. ที่เป็นกรรมาธิการ เพราะหวั่นเกรงจะพิจารณาไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า ส.ส.ของพรรคเตรียมอภิปราย รวม 115 คน โดยจะอภิปรายถึงข้อห่วง 3 ประเด็น คือภาระหนี้ในอนาคต,ความไม่พร้อมของโครงการทั้งหมด และความไม่โปร่งใส