ปชป.จี้ "นายกฯ" นั่งรักษาการร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน รับผิดชอบ-สร้างความมั่นใจ

การเมือง
20 ก.ย. 56
09:29
58
Logo Thai PBS
ปชป.จี้ "นายกฯ" นั่งรักษาการร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน รับผิดชอบ-สร้างความมั่นใจ

ส.ส.ประชาธิปัตย์ ขอ "นายกรัฐมนตรี" รักษาการร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แสดงความรับผิดชอบ-ปราบทุจริต

ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงินไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท วันนี้ (20ก.ย.56) นายสาธิต วงศ์หนองเตย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในอภิปรายในมาตรา 3 โดยระบุว่า โครงการนั้นไม่มีความละเอียดมากพอ รวมไปถึงยังมีโครงการที่มีความพร้อมไม่เกินร้อยละ 50 อีกจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นส่งผลให้โครงการนั้นไม่ประสบความสำเร็จ และส่งผลเสียต่อประเทศได้

 
ทำให้นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ขึ้นชี้แจง และยืนยันว่า ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน มีการคิดทบทวน อย่างรอบคอบมาก โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจสอบ ขณะด้วยกันต้องการแยกออกจากพ.ร.บ.หนี้สาธาณะ เนื่องจากไม่ต้องการนำไปปะปนกัน และเชื่อว่ากฏหมายนั้นมีความรัดกุมมากพอ 
 
ทั้งนี้ มาตรา 3 นั้นผ่านมติที่ประชุมที่เห็นด้วย 282 เสียง ไม่เห็น 98 เสียง งดดอกเสียง 10 เสียง และไม่ลงคะแนน 3 เสียง

    

 
ขณะที่การอภิปรายในมาตรา 4 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ขอแปรญัตติ โดยขอเพิ่ม "นายกรัฐมนตรี" เป็นผู้รักษาการร่างพ.ร.บ.กู้เงิน จากที่มีเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพียงบุคคลเดียว เนื่องจาก เห็นว่า นายกรัฐมนตรีนั้น เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในการบริหาร ที่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และนักลงทุนว่า โครงการดังกล่าวจะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น
 
นอกจากนี้ การดำเนินการโครงการนี้ จำเป็นต้องประสานงานกับหลายภาคส่วน จึงเห็นว่า รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอาจไม่มีอำนาจในการสั่งการเท่านายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน เพื่อให้นายกรัฐมนตรีนั้น แสดงความผิดชอบต่อโครงการ หากเกิดความผิดพลาด รวมไปถึงช่วยให้นายกรัฐมนตรีสามารถบริหารการดำเนินการได้ด้วยตัวเอง 
 
สอดคล้องกับนายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ยกตัวอย่างของการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่นายกอบต.นั้นจะมีอำนาจในการกู้เงินธนาคาร เพื่อนำมาพัฒนาท้องที่ของตนเอง ขณะเดียวกัน นายกอบต.ก็ต้องรับผิดชอบ และอยู่ในทุกกระบวนการของการดำเนินงาน เช่นเดียวกับร่างพ.ร.บ.กู้เงิน ฉบับนี้ ที่เห็นว่าผู้ที่มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น จำเป็นต้องเป็นผู้รักษาการร่วมกับรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงการคลัง 

    

 
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งข้อสงสัยจากการที่รัฐบาลระบุว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนรถไฟรางคู่ และความเร็วสูงทั้งหมด นายวุฒิพงษ์ ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงในส่วนนี้อาจยังไม่ชัดเจน เนื่องจากในรายละเอียดของโครงการนั้น ประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างนั้น ยังไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร 
 
ทั้งนี้ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ขึ้นชี้แจงว่า กมธ.มีความเห็นที่อยากให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ แต่เนื่องจากธรรมเนียมปฏิบัติการเงิน กระทรวงการคลังจะต้องเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งขอยืนยันว่า ทุกโครงการนั้น เป็นโครงกาารที่มีความหวังในการพัฒนาต่อไปในอนาคต
 
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติผ่านมาตรา 4 ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 289 เสียง ไม่เห็น 103 เสียง 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง