ภาพสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่ง ลงคะแนนโดยใช้บัตร พร้อมสลับบัตรใบอื่นเข้าไปยังเครื่องลงคะแนนอีกประมาณ 4 ใบ พร้อมกันนั้นก็กดลงคะแนนอย่างรวดเร็วเพียงคนเดียว แต่กดบัตรลงคะแนนหลายครั้ง ซึ่งถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูบ กลายเป็นกระแสว่า เป็นคลิปภาพชุดเดียวกัน กับที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อ้างอิงและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อช่วงเช้านี้ พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้วินิฉัยพฤติกรรมของสมาชิกรัฐสภา อาจเข้าข่ายกระทำการขัดมาตรา 122 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต และมาตรา 126 ที่บัญญัติให้การประชุมต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง รวมถึงสมาชิก 1 คนย่อมมีคะแนนเสียง 1 เสียง
ขณะที่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยปฏิเสธรับทราบรายละเอียดกรณีสมาชิกรัฐสภากดบัตรแทนกันในการลงมติวาระที่ 2 ของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของส.ว. และกล่าวย้ำว่าเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะพิจารณาตรวจสอบจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภา พร้อมชี้ว่าการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถือเป็นเจตนา ที่ฝ่ายค้านต้องการให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
และนอกจากการรับเรื่องของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และนายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรค กรณีการกดบัตรแทนกันแล้ว วันนี้ (25 ก.ย.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 2 รับคำร้องพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหาและคำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ไว้พิจารณาแล้ว กรณีขอให้วินิจฉัยการแก้รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยเรื่องที่มาของส.ว. เข้าข่ายกระทำการต้องห้าม ตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อชะลอการลงมติในวาระที่ 3 แต่อย่างใด
ทั้งนี้ยังมีมติรับคำร้องนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอให้วินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 57 มาตรา 27 กรณีการจัดสรรงบประมาณของศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และป.ป.ช. ว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และมีคำสั่งให้ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมาย, สำนักงบประมาณ, สำนักงานศาลปกครอง, สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงาน ป.ป.ช. ทำคำชี้แจงส่งภายในวันที่ 1 ตุลาคม ก่อนเข้าชี้แจงต่อศาลในวันที่ 2 ตุลาคมนี้