ผลกระทบระบายน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท
แม้ผลผลิตจะยังไม่พร้อมเก็บเกี่ยว แต่นายเกื้อ กลิ่นรัตน์ ชาวบ้านต.โกรกพระ อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ต้องพายเรือเข้าตัดกล้วยไข่ในสวนขายก่อนกำหนด หลังแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มระดับสูงขึ้น และ ไหลหลากเข้าท่วมสวนกล้วยไข่ รวมทั้ง นาข้าวกว่าพันไร่มานานกว่า 5 วัน จนต้นกล้วยบางส่วนกำลังจะเน่าตาย ทำให้นายเกื้อเชื่อว่า หากภาครัฐไม่เร่งระบายน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา ที่จ.ชัยนาท ความสูญเสียของเกษตรกรจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ไม่แตกต่างจากชาวบ้านน้ำทรง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำรองรับมวลน้ำ 2 ทาง คือ น้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำเจ้าพระยา และน้ำป่าจากเทือกเขาแม่วงก์ ก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่ลุ่มน้ำสะแกกัง จ.อุทัยธานี และพื้นที่จ.ชัยนาท ล่าสุดบางครอบครัวต้องอพยพสมาชิกในบ้าน ไปอาศัยอยู่กับญาติ เนื่องจากน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร มากว่า 3 วัน
หัวหน้าชลประทานจังหวัดนครสวรรค์ยืนยันว่า ขณะนี้เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้ทำการระบายน้ำอย่างเต็มความสามารถ ในปริมาณ 2,000-2300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ตามคำสั่งของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ. ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในพื้นที่จ.นครสวรรค์ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดจ.นครสวรรค์มีพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งหมด 10 อําเภอ 29 ตําบล โดยสถานการณ์น้ำจะคลี่คลายโดยเร็วได้จากการระบายน้ำของเขื่อนชัยนาทเท่านั้น ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าในช่วงวันที่ 28-30 กันยายน จะมีฝนฟ้าคะนองบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง