หลายพื้นที่เตรียมรับมือพายุ
คันชลประทาน ที่กั้นแม่น้ำปราจีนบุรี อ.กบินทร์บุรี และพื้นที่อ.ศรีมหาโพธิ ถูกน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีกัดเซาะ เสียหายช่วงเย็นที่ผ่านมา ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมนาข้าว ที่บ้านขานาง ต.วังดาล บ้านเพชรเอิม บ้านกุดเขมร อ.กบินทร์บุรี ต.บ้านหอย อ.ประจันตคาม และบ้านทาม อ.ศรีมหาโพธิ ส่วนที่อ.ศรีมโหสถ ขณะนี้ ต.คู้ลำพัน ต.โคกปีบ โดยเฉพาะที่หมู่ 1 ต.ไผ่ชะเลือด ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร และมีผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ติดอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่พยายามเข้าช่วยเหลือ
ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบถุงยังชีพให้ตำรวจภูธรศรีมหาโพธิ หลังสถานีตำรวจและบ้านพักถูกน้ำท่วมสูง รวมทั้งส่วนราชการหลายแห่ง พร้อมกำชับให้ดูแลผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ ส่วนชาวบ้านต.ชัยนาม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เร่งบรรจุกระสอบทราย ทำแนวป้องกันน้ำท่วม เพื่อป้องกันนาข้าวที่ใกล้เก็บเกี่ยวเสียหาย หลังแม่น้ำวังทอง ล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ แม้แม่น้ำวังทองจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ชาวบ้านยังคงจัดแข่งขันเรือยาว 12 ฝีพาย ที่บ้านหัวก๊ก ต.วังทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ริมน้ำ ที่ถูกน้ำท่วมแล้ว
ที่จ.พิจิตรน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ เข้าท่วมพื้นที่อ.ทับคล้อ เป็นระลอกที่ 2 เส้นทางหลัก บนถนนทับคล้อ-เขาทราย หน้าสำนักงานเทศบาลตำบลทับคล้อ มีน้ำท่วม 10-20 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องเสริมกระสอบทรายป้องกันมวลน้ำ ที่จะไหลมาสมทบ ส่วนน้ำป่าจากเทือกเขาห้วยใหญ่ ที่ท่วมพื้นที่ต.บ้านโคก ต.นายม และต.ห้วยสะแก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เมื่อช่วงเช้า ลดลงจนใกล้สู่ภาวะปกติแล้ว
ขณะที่ ชาวบ้านสวรรค์น้อย ต.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ต้องใช้เรือในการเข้าออกหมู่บ้าน หลังแม่น้ำชีล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้าน และนาข้าว นานกว่า 1 สัปดาห์ แม้ขณะนี้ระดับน้ำจะเริ่มลดลง แต่ยังท่วมสูง 2-3 เมตร จ.บุรีรัมย์ประกาศให้ทั้ง 12 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม มีผู้ได้รับความเดือดร้อน เกือบ 40,000 ครอบครัว พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 80,000 ไร่
ส่วนน้ำเหนือที่ไหลลงมาสมทบแม่น้ำมูล ที่จ.อุบลราชธานีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแจ้งเตือน ผู้ที่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน ประกอบกับอิทธิพลพายุโซนร้อนหวู่ติ๊บ ในทะเลจีนใต้ ซึ่งคาดว่าจะขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามตอนบน วันที่ 1 ตุลาคม อาจส่งผลกระทบให้จ.อุบลราชธานีมีน้ำท่วมมากขึ้น
กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า พายุโซนร้อนหวู่ติ๊บ เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กม./ชั่วโมง ขณะนี้อยู่ห่างจากเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม ราว 600 กิโลเมตร คาดว่า พายุลูกนี้จะค่อยๆเปลี่ยนทิศทางค่อนไปทางเหนือ จะส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้