คำประกาศยืนยันว่า จะลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุมคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาปลุกเร้าให้มวลชนออกมาร่วมการชุมนุมยืดเยื้อ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยยังคงอ้างเหตุผลถึงการแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาลในการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณา
พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศยกระดับการชุมนุม โดยเชิญชวนประชาชนทำอารยะขัดขืนทั่วประเทศ โดยมาตรการแรกคือ วันที่ 13-15 พ.ย. ขอให้มีการหยุดงานทั่วประเทศ เพื่อมาร่วมชุมนุม ส่วนมาตรการที่ 2 ได้ขอร้องให้เอกชนชะลอการชำระภาษีกลางปี และมาตการที่ 3 ขอให้ต่อสู้ด้วยสัญลักษณ์ ธงชาติ โดยขอให้ติดธงชาติทั่วประเทศ พร้อมแขวนคอด้วยนกหวีด และ มาตรการสุดท้าย คือ ขอความร่วมมือประชาชนให้เป่านกหวีด เมื่อเจอนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และกลุ่มผู้สนับสนุน
สำหรับในวันนี้ (12 พ.ย.) นายสุเทพ พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อีก 8 คน ที่ประกาศลาออกจาก ส.ส. ได้แก่ นายถาวร เสนเนียม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายชุมพล จุลใส นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ และนายณัฐพล ประทีปสุวรรณ จะเดินทางไปยังอาคารรัฐสภา เพื่อทำการลาออกอย่างเป็นทางการในเวลา 11.00 น.
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท.เปิดเผยว่า จะรอดูท่าทีของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และทหาร เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลโลก รวมถึงจะใช้ช่วงเวลานี้ในการศึกษาเนื้อหาคำพิพากษาอย่างละเอียดก่อนจะมีความเคลื่อนไหว
โดยเบื้องต้น กลุ่ม คปท.ยังปักหลักชุมนุมไม่เคลื่อนย้าย และจะเน้นรณรงค์ให้ความรู้ไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา190 เพราะจะเป็นการลดอำนาจประชาชน เพิ่มอำนาจให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอำนาจที่ไร้การตรวจสอบ นอกจากนี้ จะรอดูความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มอื่นๆ ซึ่งอาจมีการพูดคุยหาทางออกร่วมกัน
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักอยู่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท. เปิดเผยว่า ขณะนี้จะยังไม่มีความเคลื่อนไหวบุกทำเนียบรัฐบาลตามที่มีกระแสข่าว แต่ในส่วนของกองทัพธรรม มีการเปิดเผยจาก ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม ระบุว่า ในวันนี้ (12 พ.ค.) กปท.และกองทัพธรรม จะเดินเท้าไปยื่นถวายฏีกา ที่พระบรมมหาราชวัง เพื่อขอจัดตั้งสภาประชาชน โดยเบื้องต้นสภาประชาชนจะมีทั้งหมด 99 คน เพื่อทำงานบริหารประเทศด้วยประชาชน
ส่วนการดูแลสถานการณ์การชุมนุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ได้มีการปรับเพิ่มกำลังเป็น 61 กองร้อย จากเดิม 40 กองร้อย เพื่อดูแลสถานที่สำคัญ และมีการกำชับให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงเย็นถึงค่ำ ที่จะมีปริมาณผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้น
ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศมาตรการอารยะขัดขืนว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ชุมนุม แต่เชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ได้
ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวว่า หากยังเป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ ยืนยันว่า ไม่มีความจำเป็นในการขยายพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรออกไป ส่วนการประเมินการชุมนุมจะลากยาวไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประกาศพื้นที่ความมั่นคงหรือไม่ ยังต้องดูสถานการณ์ต่อไป