นานาชาติ ระดมให้ช่วยผู้ประสบภัยพายุไห่เยี่ยน
แม้ทางการฟิลิปปินส์ และนานาชาติจะเร่งระดมส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่เกาะเลย์เต้ และเกาะซามาร์ ที่ประสบภัยพิบัติจากพายุไห่เยี่ยน แต่การกระจายอาหาร และน้ำดื่มยังทำได้ยาก เนื่องจากเส้นทางสัญจรเสียหาย เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง รวมทั้งไม่มีรถที่ใช้ในการขนส่ง ดังนั้นประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ยังคงเผชิญความลำบากในการดำรงชีวิต
นอกจากความเสียหาย และความยากลำบากในการช่วยเหลือประชาชนชนแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตประชาชน ซึ่งนอกจากการปล้นสดมภ์แล้ว ชาวบ้านยังบอกว่ามีกลุ่มติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์ ยิงปืนข่มขู่ประชาชนบริเวณสะพานซาน โฮเซ่ และก่อนหน้านี้ก็มีรายงานกล่าวอ้างว่ามีตำรวจ ทหาร ไม่เพียงพอดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนในเมืองทาโคลบัน แต่รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และยืนยันได้ส่งกองกำลังผสมทหาร และตำรวจ 65 กองร้อย ลงพื้นที่เกาะเลย์เต้ และซามาร์แล้ว
ก่อนหน้านี้มีการประเมินว่า พายุไห่เยี่ยนอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 10,000 คน แต่ประธานาธิบดีเบนิกโน่ นอยนอย อาคีโน่ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐ ปรับลดประมาณการณ์ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 คน แต่ขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตสูงถึง 2,275 คนแล้ว
ขณะที่นานาประเทศเร่งส่งความช่วยเหลือทั้งสิ่งของบรรเทาทุกข์ ทีมกู้ภัย ทีมสำรวจส่วนหน้า ทีมแพทย์ รวมทั้งกำลังทหาร เข้าช่วยเหลือฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง และถึงพื้นที่แล้วหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ, เบลเยี่ยม, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น เป็นต้น และยังมีอีกหลายประเทศ เร่งเตรียมสิ่งของเพื่อส่งไปยังฟิลิปปินส์ เช่น อินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่นำอาหารสำเร็จรูปขึ้นเครื่องบินลำเลียง เตรียมพร้อมส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไห่เยี่ยนในประเทศฟิลิปปินส์ โดยเลขาธิการสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติธรรมชาติอินโดนีเซีย ระบุว่า ประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย ได้สั่งการให้รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศ และสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติธรรมชาติ ประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือชายฟิลิปปินส์ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากในขณะนี้
ส่วนประเทศไทย นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงได้เตรียมทีมแพทย์สนามชุดใหญ่ ประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุ พยาบาล เภสัชกร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมประมาณ 15-17 คน พร้อมเครื่องมือแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น สามารถเปิดเป็นโรงพยาบาลสนาม และอยู่ในพื้นที่ได้ประมาณ 2สัปดาห์
รวมทั้งให้องค์การเภสัชกรรมสำรองน้ำเกลือ ยา และเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นชุดที่ใช้สำหรับการดูแลผู้ประสบภัยจากอุบัติภัยขนาดใหญ่ ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อ เช่น อุจจาระร่วง ประกอบด้วย ยาสามัญประจำบ้าน ยาปฏิชีวนะ และชุดฟื้นฟูความสะอาดสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ฟิลิปปินส์แล้ว ทั้งนี้จะมีการหารือร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) เพื่อวางแผนให้การช่วยเหลือร่วมกันตามที่ประเทศฟิลิปปินส์ต้องการ