คดีที่ดิน"คลองด่าน" คดีประวัติศาสตร์

21 พ.ย. 56
01:35
1,761
Logo Thai PBS
 คดีที่ดิน"คลองด่าน" คดีประวัติศาสตร์

คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินและโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ผ่านมากว่า 25 ปี คดีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่มี ผลกระทบต่อหลายฝ่าย รวมทั้งมีบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่นนายวัฒนา อัศวเหม ถูกฟ้องร้องเนินคดี ทั้งศาลอาญาและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ล่าสุดศาลชั้นอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องนายวัฒนา และพวก ในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งศาลให้ความเห็นว่า พยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ รวมทั้งให้ยกเลิกการออกหมายจับนายวัฒนาในคดีนี้ ยังคงเหลือคำตัดสินโทษจำคุก 10 ปี ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงคำแหน่งทางการเมืองตัดสินไว้ ในข้อหาใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
 
ยังคงถูกปล่อยทิ้งร้างไม่ได้ถูกใช้งานตรงตามเป้าหมาย ในการเป็นบ่อบำบัดน้ำเสีย และยังไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ ถึง 25 ปี หลังเป็นคดีความ คดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กรมควบคุมมลพิษเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ที่ได้เสนอต่อกรมควบคุมมลพิษว่า จะจัดหาที่ดิน 1,900 ไร่ เพื่อนำมาใช้เป็นที่ตั้งโครงการบำบัดน้ำเสีย

โดยกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ได้นำที่ดินของบริษัทคลองด่านมารีนแอนด์ฟิชเชอรี่ จำเลยที่ 12 มาเสนอขาย แต่มีเงื่อนไขว่า ให้กรมควบคุมมลพิษรับโอนกรรมสิทธิ์ โดยไม่ต้องผ่านการจดทะเบียน เปลี่ยนชื่อเป็นของจำเลยที่ 1 ซึ่งถือว่าการกระทำของจำเลยทั้งหมดเป็นการฉ้อโกง โดยร่วมกันหลอกลวงและปกปิดว่า โฉนดที่ดินทั้ง 17 แปลงเป็นโฉนดที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่ได้ระบุว่าที่ดินเป็นคลอง ถนนสาธารณะ และมีเนื้อที่ไม่ครบ ซึ่งเหตุการณ์นี้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2531-2533

นอกจากนี้ การประกาศประกวดราคาโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย จำเลยที่ 1-11 ได้ร่วมกันแอบอ้างนำเสนอว่า บริษัทนอร์ธเวสต์ วอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด ซึ่งเป็นบริษัผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิควิศวกรรมการจัดการน้ำเสีย จะเข้าร่วมดำเนินงานกับพวกจำเลย ทำให้กรมควบคุมมลพิษหลงเชื่ออนุมัติให้จำเลยเป็นผู้ชนะการประกวดราคา

อีกทั้งในวันทำสัญญายังมีการแอบอ้างหลักฐานหนังสือมอบอำนาจ จากบริษัทนอร์ธเวสต์ รวมถึงมีการเปิดบัญชีธนาคารและสถาบันการเงินหลายแห่ง เพื่อหลอกให้กรมควบคุมมลพิษหลงเชื่อว่า บริษัทนอร์ธเวสต์ได้รับเงินค่าจ้างอื่นไป โดยที่บริษัทนอร์ธเวสต์ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าว จึงถือว่าได้ว่า การกระทำของโจทก์ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งนิติบุคคลและกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม รวมถึงนายวัฒนา อัศวเหม ได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฉ้อโกงในการขายที่ดิน โดยศาลชั้นต้นได้สั่งจำคุกนายวัฒนาและพวกเป็นเวลา 3 ปี

ขณะที่ การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีนายวัฒนาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงในการหลอกขายที่ดินในกับกรมควบคุมมลพิษหรือไม่ โดยศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า นายวัฒนามีส่วนเกี่ยวข้องในการฉ้อโกงการซื้อที่ดินครั้งนั้น จึงพิพากษายกฟ้องและยกเลิกการออกหมายจับนายวัฒนาในคดีนี้ ทั้งหมดนี่เป็นเพียงคดีในชั้นศาลอาญา ซึ่งต้องต่อสู้กันถึง 3 ศาลคือชั้นต้น อุทธรณ์ และฎีกา

สำหรับนายวัฒนายังมีคดีเกี่ยวเนื่องกัน คือ กรณีที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งในทางมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการออกโฉนดที่ดินในต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ทั้ง 1,900 ไร่ ให้กับบริษัทปาล์มบิช ดิเวลลอปเม้นท์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 10 ปี และให้ออกหมายจับมาดำเนินคดี เนื่องจากวัฒนาหลบหนี


ข่าวที่เกี่ยวข้อง