"นิพิฏฐ์ " อภิปรายชี้ "ยิ่งลักษณ์" ดำรงตำแหน่งนายกฯหวังช่วยเหลือ "ทักษิณ"

การเมือง
26 พ.ย. 56
10:46
108
Logo Thai PBS
"นิพิฏฐ์ " อภิปรายชี้ "ยิ่งลักษณ์" ดำรงตำแหน่งนายกฯหวังช่วยเหลือ "ทักษิณ"

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยชี้ว่า นายกฯเข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ในกรณีการผลักดันกม.นิรโทษกรรมและนายกฯถูกชี้นำให้ใช้กองทัพเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้าประเทศ

วันนี้ (26 พ.ย.56) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ว่า นายกฯไร้ความสามารถในการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและสาเหตุที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือครอบครัวและบุคคลใกล้ชิด 
 
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า มีผู้ครอบงำนายกฯและคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการสไกป์เข้ามาภายในที่ประชุม ครม.ซึ่งไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2553 ที่สั่งห้ามมิให้บุคคลใกล้ชิด ครอบครัว ญาติสนิทเข้ามาสั่งการได้ โดยอ้างอิงจากสำนักข่าวต่างประเทศว่า มีการกระทำดังกล่าวขึ้น
 
ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชี และโฆษกพรรคเพื่อไทย  ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มิได้สไกป์เข้ามาในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย และไม่เคยได้ยินว่ามีการสไกป์เข้ามายังที่ประชุมครม.
 
นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวว่ามีสิ่งที่รับไม่ได้ก็คือ การที่นายกฯสั่งให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่แถลงข่าวไม่รับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาของ ส.ว.ซึ่งมีความใกล้เคียงกับการไม่ยอมรับกฎหมาย ซึ่งคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นการไม่ยอมรับอำนาจศาล รวมถึงนายจารุพงศ์ยังได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้คือการปล่อยให้พวกพ้องแทรกแซงกระบวนการของตุลาการ
 
นายนิพิฏฐ์  ยังอภิปรายเพิ่มเติมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และปกป้องผลประโยชน์ให้ครอบครัวและวงศ์วานว่านเครือ โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีการยึดทรัพย์จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งในเงินจำนวนดังกล่าวมีเงินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกอายัดรวมรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนเงินกว่า 982 ล้านบาท โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าชี้แจงต่อศาลให้ถอนอายัดเงินดังกล่าว โดยชี้แจงต่อศาลฯว่าเป็นเงินในบัญชีของตนเองมิใช่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งศาลชี้ว่าเป็นวิธีการปกปิดเงินในบัญชี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเมื่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำตัดสินในคดีดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขอยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าวต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ รวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ปล่อยให้มีการผลักดันการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งหากกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านการพิจารณาของสภาฯจะส่งผลให้มีการคืนเงินในคดีดังกล่าว
 
ขณะที่นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการอภิปรายในญัตติดังกล่าว ไม่มีคำร้องเพื่อยื่นถอดถอนนายกฯ ในกรณีการแสวงหาผลประโยชน์ จึงไม่สามารถอภิปรายในกรณีดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นการอภิปรายนอกประเด็น
 
นายนิพิฏฐ์ ยังอภิปรายเพิ่มเติมว่า นายกฯถูกชี้นำให้ใช้กองทัพเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างอิงจากกรณีที่มีการปรากฎคลิปเสียงในช่วงเดือน ก.ค.2556ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงคลิปเสียงที่นายนิพิฏฐ์ อ้างว่าเป็นเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดกับ เสียงที่นิพิฏฐ์ อ้างว่าเป็นเสียงของ พล.อ.ยุทธ ศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเหตุให้นายกฯเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ที่ต่อมาเข้ารับตำแหน่งรมช.กลาโหม โดยนายกฯไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งดังกล่าว  แต่การเข้าดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมก็เพื่อช่วยเหลือในการออกกฎหมายผ่านสภาความมั่นคง หรือ สภากลาโหม เพื่อช่วยเหลือให้นำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ ดังนั้นจึงไม่สามารถไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้
 
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อภิปรายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์เข้าไปยัง ครม.ไม่จริง เนื่องจากมีการตัดสัญญาณ ภายในการประชุมครม. จึงไม่สามารถสไกป์เข้าภายในการประชุมครม.ได้ รวมถึงภายในการประชุมพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีการสไกป์เข้าที่ประชุมโดย พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน
 
ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้สไกป์เข้ามายังการประชุมครม.
 
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงการอภิปรายว่า เป็นผู้คัดเลือกผู้เข้าดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีด้วยตนเองโดยคำนึงถึงความสามารถและความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง และยืนยันว่ามีความเป็นตัวของตนเองซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ฝ่าฟันวิกฤตในหลายเรื่องให้ผ่านมาได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง