จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจ
การอภิปรายในช่วงกลางดึกเมื่อคืนนี้ ประเด็นสำคัญที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาอภิปรายคือการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดย ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคน ทั้งนายอลงกรณ์ พลบุตร นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ และน.ส.รังสิมา รอดรัศมี ต่างอภิปรายชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดโครงการ โดยชี้ว่าเป็นโครงการประชานิยมทำลายระบบข้าวทั้งระบบ ส่งผลให้ข้าวเสื่อมสภาพ และเป็นเหตุให้ไทยต้องสูญเสียผู้ผลิตพันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดของโลก
อีกทั้งยังเปิดช่องให้มีการทุจริตครบวงจร และเพิ่มหนี้สินให้แก่เกษตรกร ฝ่ายค้านยังมุ่งประเด็นการลงทุนด้านธุรกิจพลังงาน โดยนายนายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายชี้ว่า นายกรัฐมนตรีคำนึงถึงผลประโยชน์ของครอบครัวมากกว่าประเทศชาติ วางแผนใช้อำนาจโดยมิชอบ โดยเฉพาะผลประโยชน์จากทรัพยากรทางด้านพลังงาน ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการลงทุนธุรกิจด้านพลังงาน ที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชา
โดยรัฐบาลได้แก้กฎหมายในมาตรา 190 เพื่อเอื้อประโยชน์ ซึ่งระหว่างการอภิปราย ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามประท้วงว่าเป็นการใส่ร้าย ไม่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนเกิดการประท้วงกันไปมาของทั้งสองฝ่าย ซึ่งสมาชิกขอให้ประธานฯ เคร่งครัดในการควบคุมการประชุม
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงยืนยันว่าในพื้นที่ทับช้อน พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีสัมปทานทางด้านธุรกิจพลังงานแต่อย่างใด หากมีการพูดกล่าวหาจะทำให้เกิดปัญหา ภาพรวมของการอภิปราย นับได้ว่าเกิดการประท้วงขึ้นบ่อยครั้ง ด้วยเหตุจากการอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลนอก โดยเฉพาะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และหลังจากที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก นาน 15 ชั่วโมง 30 นาที ประธานในที่ประชุมได้สั่งพักการประชุม เมื่อเวลา 01.34 น. และนัดประชุมต่อในวันนี้เวลา 9.30 น. โดยจะเริ่มที่การอภิปรายประเด็นการทุจริตโครงการจำนำข้าวต่อจากเมื่อวานนี้
ในวันแรกฝ่ายค้านอภิปรายไปแล้ว 10 คน จากที่วางตัวไว้ 20 คน โดยกรอบเวลาของการอภิปราย วิปรัฐบาลยังคงยืนยันกรอบเดิมคือจะยุติการอภิปรายในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ และเปิดลงมติในเวลา 9.30 น. วันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.)