"อัญชลี" ชี้นายกฯ บริหารงานบกพร่อง-เลือกปฏิบัติต่อปชช.ที่เห็นต่างทางการเมือง

การเมือง
27 พ.ย. 56
09:53
103
Logo Thai PBS
"อัญชลี" ชี้นายกฯ บริหารงานบกพร่อง-เลือกปฏิบัติต่อปชช.ที่เห็นต่างทางการเมือง

ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี กรณีทำหน้าที่ขัดกฎหมายรธน. มาตรา 30 บริหารประเทศแบบ 2 มาตราฐานกับผู้เห็นต่างทางการเมือง ในประเด็นการยกเลิก-ก่อสร้าง ศูนย์ประชุมจ.ภูเก็ต และเชียงใหม่

การอภิปรายไม่ไว้วางใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย วันที่ 2 ในช่วงบ่ายวันนี้ (27 พ.ย.) นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ในการเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งมีการยกตัวอย่างการก่อสร้างศูนย์ประชุมที่จ.ภูเก็ต และจ.เชียงใหม่

 
นางอัญชลี ได้อธิบายถึงข้อสงสัยในการก่อสร้างศูนย์ประชุม จ.ภูเก็ต ที่ถูกอนุมัติงบประมาณจากพ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง จำนวน 2,600 ล้านบาท ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่กลับถูกยกเลิกโครงการในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยให้เหตุผลว่า โครงการมีความล่าช้ากว่ากำหนด ดังนั้น คณะรัฐมนตรีมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการยกเลิกโครงการ 
 
นางอัญชลียังอล่าวอีกว่า ข้อสังเกตจากการดำเนินโครงการที่ล่าช้า เนื่องมาจากการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ใช้เวลาเกือบ 2 ปี จึงตั้งข้อสังเกตว่า ความล่าช้าดังกล่าวนั้นเป็นการถ่วงเวลา เพื่อไม่ให้การสร้างศูนย์ประชุมแห่งนี้เสร็จตามกำหนด จากนั้นจึงทำการยกเลิก ตรงข้ามกับการก่อสร้างศูนย์ประชุมที่จ.เชียงใหม่ แม้ได้รับการอนุมัติตั้งแต่ 2546 ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เมื่อยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ยังให้ดำเนินการต่อจนสำเร็จ อย่างไรก็ตาร การดำเนินการดังกล่าว จึงนำมาเป็นเหตุผลได้ว่า นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมปฏิบัติต่อผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง 2 มาตรฐาน
 
  
 
นอกจากนี้ นางอัญชลี ยังนำหลักฐาน การปราศรัยของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุถึงการยกเลิกการสร้างศูนย์ประชุมภูเก็ต และความสำเร็จของการสร้างศูนย์ประชุม จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งกล่าวว่า จะไม่ดำเนินการก่อสร้างที่จ.ภูเก็ต ก็ต่อเมื่อคนภูเก็ตเลือกพรรคเพื่อไทย
 
ทั้งนี้ นางอัญชลียังกล่าวอีกว่า รัฐบาล 2 ชุดที่ผ่านมา มี 2 มาตรฐานอย่างชัดเจน กล่าวคือ สมัยนายอภิสิทธิ์ มีการวางยุทธศาสตร์ของชาติ ให้เป็นเมืองหลวง เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวของอาเซียน, ให้จ.ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภาคใต้ และจ.เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภาคเหนือ รวมไปถึงการ วางแผนก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมจากประเทศจีน, ลาว และมาเลเซีย เพื่อเป็นช่องทางให้เดินทางมาเที่ยวในประเทศอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการก่อสร้างศูนย์ประชุมดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ให้ความสำคัญตามที่ได้ประกาศไว้ตามนโยบาย และตามที่หาเสียง
 
จากกรณีดังกล่าว ทำให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ถูกพาดพิงในการอภิปราย ได้ลุกขึ้นชี้แจง โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรืออำนาจใด ๆ กับการก่อสร้างศูนย์ประชุมในจ.ภูเก็ต และจ.เชียงใหม่ แต่ยอมรับว่า สิ่งที่พูดในคลิปวิดีโอที่นางอัญชลีนำมาประกอบนั้น เป็นความจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และการพูดนั้น ไม่เกี่ยวกับการหาเสียงเพื่อพรรค แต่เป็นการพูดในนามส่วนตัว 

    

 
จากนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงว่า การก่อสร้างศูนย์ประชุม จ.ภูเก็ตนั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับการก่อสร้างของศูนย์ประชุม จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นคนละช่วงเวลา และใช้งบประมาณต่างกัน พร้อมยืนยันว่า การยกเลิกโครงการเป็นผลมาจากความล่าช้าของการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลให้การดำเนินโครงการล่าช้าเกินกว่ากำหนด ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติเฉพาะกรณี หรือความจงใจล้มโครงการตามที่ถูกกล่าวหา นอกจากนี้ ครม.ยังอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขยายเวลาโครงได้จริง 
 
นอกจากนี้ นายกรณ์ จาติกวนิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอใช้สิทธิ์ชี้แจง และตั้งข้งสังเกตว่า หากรัฐบาลให้ความสำคัญต่อโครงการจริง เพราะเหตุใดจึงไม่หางบประมาณในส่วนอื่น ที่ไม่ใช่จากพ.ร.ก.ไทยเข็มแข็งที่หมดอายุไปแล้ว มาดำเนินการต่อแทนการยกเลิกโครงการ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง